สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น หลังคณะกรรมาธิการของรัฐบาลกลางสหรัฐ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวของบริษัทจากญี่ปุ่น คุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่

กรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเห็นชอบร่วมจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก รวมถึงการที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายเจดี แวนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีคนใหม่ ต่างออกมาต่อต้านการที่นิปปิน สตีล จะเข้าควบรวมกิจการของยูเอส สตีล

ขณะเดียวกัน ไบเดนระบุในแถลงการณ์ว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมจากต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ และห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ

ด้านสหภาพแรงงาน “ยูไนเต็ด สตีลเวิร์คเกอร์” แสดงความยินดีกับการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐ พร้อมระบุว่า พวกเขาซาบซึ้งในความเต็มใจของไบเดน ที่จะดำเนินการอย่างกล้าหาญ เพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศให้แข็งแกร่ง และยกย่องความมุ่งมั่นของไบเดน ที่มีต่อคนงานในอุตสาหกรรมเหล็กของอเมริกา

ขณะที่ นิปปอน สตีล และยูเอส สตีล แสดงความผิดหวังอย่างหนัก โดยวิจารณ์ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการละเมิดกระบวนการทางกฎหมายอย่างชัดเจน และเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจทางการเมือง บริษัททั้งสองแห่งจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของตนเอง

ทั้งนี้ บริษัททั้งสองแห่งยืนยัน การมีส่วนร่วมอย่างโปร่งใสกับคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐ (ซีเอฟไอยูเอส) มาตลอด แต่กระบวนการนี้กลับถูกบ่อนทำลายอย่างร้ายแรง จากอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES