สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่า โปแลนด์ ในฐานะประธานหมุนเวียนของสหภาพยุโรป (อียู) ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศสมาชิกทั้ง 27 แห่ง ซึ่งมีแหล่งเก็บก๊าซในสถานที่แตกต่างกัน และนำเข้าจากประเทศที่สามคนละแห่ง “ยังคงเป็นปกติ”


แม้รูปแบบการนำเข้าก๊าซเปลี่ยนแปลงไป แต่ปริมาณการส่งก๊าซยังคงมีเสถียรภาพ และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ของการขาดแคลน


อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของอียูยืนยัน การมอบความสนับสนุนที่เกี่ยวข้องให้แก่มอลโดวา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างยูเครนกับโรมาเนีย แต่ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตร หลังมีรายงานว่า เขตปกครองตนเองทรานส์นีสเตรียในมอลโดวา ประสบกับปัญหาขาดแคลนพลังงานแล้ว อนึ่ง มอลโดวาและยูเครน อยู่ระหว่างการเจรจากับอียู เพื่อเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของสหภาพ


ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานยูเครนออกแถลงการณ์ ยืนยันการยุติเป็นทางผ่านของการส่งก๊าซผ่านท่อในรัสเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า รัสเซียจะสูญเสียรายได้ “อย่างมีนัยสำคัญ”


ขณะที่บริษัทก๊าซพรอม ผู้ผลิตและส่งออกก๊าซรายใหญ่ของรัสเซีย ออกแถลงการณ์ ยืนยันการยุติส่งก๊าซผ่านท่อไปยังยุโรปผ่านยูเครน ตั้งแต่วันปีใหม่เช่นกัน


สถานการณ์ดังกล่าว เป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปฏิเสธต่อสัญญาเป็นทางผ่านการส่งก๊าซกับรัสเซีย ซึ่งมีการใช้และต่ออายุมาตลอด นับตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต โดยสัญญาฉบับล่าสุดครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562

ทั้งนี้ รัสเซียส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านยูเครน นับตั้งแต่ปี 2534 แต่สถิติการส่งก๊าซลดลงมาก จาก 40% เมื่อปี 2564 เหลือไม่ถึง 10% เมื่อปี 2566 เนื่องจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก ที่มีต่อภาคพลังงานของรัสเซีย


อนึ่ง ราคาก๊าซในยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50 ยูโร (ราว 1,767.80 บาท) ต่อ 1 เมกะวัตต์ เป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 1 ปี จากการที่นายหน้ารับซื้อในยุโรปตะวันออก มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้

ส่วนแผนสำรองของอียูระบุว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการยุติส่งก๊าซระหว่างรัสเซียกับยูเครนครั้งนี้ จะซื้อต่อก๊าซจากตุรกี กรีซ และโรมาเนีย ผ่านเส้นทางทรานส์-บอลข่าน ส่วนก๊าซจากนอร์เวย์จะส่งผ่านทางโปแลนด์ และเยอรมนีจะเป็นจุดส่งผ่านก๊าซให้แก่ประเทศในยุโรปกลาง.

เครดิตภาพ : AFP