สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ว่า สำนักงานตำรวจจังหวัดช็อลลาใต้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ที่เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของเจจู แอร์ ไถลบนรันเวย์ไปชนเข้ากับกำแพงคอนกรีตของสนามบิน จนเกิดไฟลุกท่วม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย และรอดชีวิตเพียง 2 คน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการห้ามเจ้าหน้าที่ 2 คน ของเจจู แอร์ เดินทางออกนอกประเทศ หนึ่งในนั้นคือ นายคิม อี-แบ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเจจู แอร์


ทั้งนี้ ซีอีโอของเจจู แอร์ เพิ่งแถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในการจ่ายค่าชดเชย และค่าจัดการศพให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต 179 ราย และการรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้รอดชีวิต 2 คน โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


ทั้งนี้ เจจู แอร์ จะลดจำนวนเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศลง 10-15% ในช่วงฤดูหนาวนี้ เพื่อให้มีการซ่อมบำรุงเครื่องบินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คิมเน้นย้ำว่า การปรับเปลี่ยนแผนการให้บริการดังกล่าว ไม่ใช่การยอมรับว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท “ใช้งานเครื่องบินหนักเกินไป”


ขณะเดียวกัน ซีอีโอของเจจู แอร์ ยืนยันว่า นักบินของสายการบินทุกคนผ่านหลักสูตร และเข้ารับการอบรมตามมาตรฐานการบิน สำหรับจำนวนช่างซ่อมบำรุงเพิ่มจาก 12 คน ต่อเครื่องบิน 1 ลำ เป็น 12.9 คน ในปัจจุบัน


แม้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เจจู แอร์ เป็นสายการบินซึ่งถูกปรับมากที่สุดในเกาหลีใต้ แต่ซีอีโอของบริษัทยืนยันว่า มีการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน และเน้นว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-800 ไม่มีความผิดปกติ ระหว่างเข้ารับการตรวจสอบสภาพและซ่อมบำรุงครั้งล่าสุด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES