ป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป็นชุดเป้าหมายการพัฒนาระดับโลกหลังปี 2015 ที่ได้รับการรับรองจาก 193 ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2015 ครอบคลุมช่วงระยะเวลาที่ต้องบรรลุภายใน 15 ปี ได้เป็นทิศทางการพัฒนาที่ทุกประเทศที่ต้องดำเนินการร่วมกันมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2016 ไปจนถึงปี ค.ศ. 2030 โดยเอกสารที่ประเทศสมาชิกทั้งหมดลงนามรับรองเป็นพันธสัญญานั้นเรียกว่า “Transforming Our World : the 2030 Agenda for Sustainable Development” หรือ “วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030”

ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 193 ประเทศ ที่ให้การรับรองและร่วมดำเนินการเพื่อบรรลุ SDGs จึงจำเป็นต้องขยับหาแนวทางการดำเนินงานที่จะช่วยเติมเต็มการขับเคลื่อน SDGs ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญคือการ   นำ SDGs เข้าไปเป็นกรอบและเป็น         เป้าหมายในการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมจาก  คนทุกกลุ่มในระดับพื้นที่หรือที่เรียกว่า SDG Localization โดยมีเป้าหมาย 17 เป้าหมาย

SDGs ไทยหล่นอยู่ที่ 45 ของโลก

ดร.จิตติ มังคละศิริ หัวหน้าทีมวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลตลอดวัฏจักรชีวิตและการประยุกต์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและการค้า MTEC สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้สรุปภาพรวมของ SDGs   ให้ทีม Sustainable Daily ว่า ประเทศ ไทย ได้ดำเนินการสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมาเข้าสู่ปีที่ 10 ในปี 2568 ซึ่งในปี 2566 การดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 43 ของโลก แต่ในปี 2567 ตกมาอยู่ที่อันดับ 45 ของโลก ซึ่งอันดับที่  ลดลง แต่ไม่ได้หมายความคะแนนลดลง แต่มีหลายประเทศที่ดำเนินงานเรื่อง SDGs ดีขึ้น แต่ในบางหัวข้อที่ประเทศไทยทำ   ได้ดี เช่น เรื่องความยากจน

คะแนนดีขึ้นโอกาสคะแนนดีขึ้นเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว เรื่องของการศึกษาที่ค่อนข้างไปได้ดี ที่ประชากรของประเทศเข้าถึงการศึกษาพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม 5 เรื่องที่อยู่ในระดับทรงตัว ค่อนข้างน่ากังวล จะมีข้อ 2 เรื่องความหิวโหยจากข้อมูลมีประชาชน 5 ล้านคนที่เผชิญความหิวโหย ข้อที่ 3 เรื่องสุขภาพ ข้อ 14 เรื่องของทรัพยากรทางทะเล ข้อ 15 ป่าไม้ และข้อที่ 16 เรื่องของความสงบสุขและเรื่องของความขัดแย้งจะเป็นประเด็นที่น่ากังวล ส่วนข้ออื่น ๆ นั้นคิดว่าค่อนข้างเสมอตัว

นวัตกรรมดีสู่เป้าหมายเร็ว

ดร.จิตติ กล่าวว่า เมื่อดูภาพรวมไปแล้วต้องมาดูเชิงลึกบ้าง แล้วปัจจัย อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ พอดูตัวเลขและข้อมูลที่ผมคิดขึ้นเอง ดูจากประเทศที่เจริญแล้วได้คะแนนท็อปเทน มาตลอด ยกตัวอย่างเช่น ฟินแลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ฝรั่งเศล ออสเตรีย นอร์เวย์ โครเอเชีย อังกฤษ โปแลนด์ อยู่ในอันดับที่สูงมาตลอด เราก็ไปพบเรื่องที่สำคัญ คือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ทำเศรษฐกิจสีเขียว หมายความจะเติบโตได้ สร้างมูลค่าต้องรักษาสภาพแวดล้อมด้วย ส่งผลดีต่อ SDG ข้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อ 15 หรือข้อ 12 ก็ตาม ที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เรื่องนี้สำคัญมาก ใครที่ทำเรื่องกรีน มากก็มีโอกาสยั่งยืนได้มาก สะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ดีขึ้น โรคภัยไข้เจ็บก็น้อย ปัญหาสังคมก็น้อย เป็น  เรื่องที่สัมพันธ์กัน และที่สำคัญนอกจากดูเรื่องเศรษฐกิจสีเขียวแล้วถ้าเราเอาดัชนีนวัตกรรมมาจัดด้วยจะเจอประเทศเดิม ๆ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหรัฐ อังกฤษ สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก เกาหลีใต้ จะเป็นกลุ่มประเทศที่มี SDGs ที่ดี มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และมีนวัตกรรมที่ดีเช่นกัน

ห่วงไทยลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูงน้อย

เป็นคำถามสำคัญว่าทำไมประเทศไทยดันตัว SDGs ได้ไม่เยอะ มีแนวโน้มที่ค่อนข้างลดลง คำตอบที่คือประเทศของเรามีสัดส่วนที่สร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีสูงถึงขั้นกลางน้อยมาก ความหมายคือยังอยู่กับการสร้างมูลค่าด้วย เทคโนโลยีเดิม แล้วประเทศดังกล่าวมีสัดส่วนการเพิ่มเทคโนโลยีขั้นกลางไปขั้นสูงที่เติบโตอย่าง   ต่อเนื่อง แต่เราเองค่อนข้างที่จะคง   ที่ เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 40% ของการสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ประเทศที่ SDGs สูงมีการสร้างเทคโนโลยีประมาณ 60-70% ซึ่งเราจะใช้เทคโนโลยีแบบเดิมไม่ได้ ขณะเดียวกันจะไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ไม่มีเงินที่จะมาเติมเต็มปัญหาต่าง ๆ ของเราได้

ดร.จิตติ กล่าวว่า ถ้าเราไม่มีเงินอย่างเพียงพอจะไม่มีเงินไปปิดช่องว่างอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความหิวโหย สภาพแวดล้อม หรือปัญหาสุขภาพใด ๆ ก็ตามอันนี้เป็นมุมมองของตัวเอง คิดว่าเรามีอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าประเทศอื่นมาก หลาย ๆ ประเทศกำลังจะแซงเรา หรือแม้ค่าเฉลี่ยโลกในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีก็ดีกว่าประเทศไทย หมายความในอนาคตการจัดอันดับของเราจะลงไปเรื่อย ๆ ถึงแม้เราจะโตช้ากว่าประเทศ      อื่น ๆ มาก หมายความเมื่อปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเราตามไม่ทันเหมือนกัน ประเทศอื่นมีปัญหาเงินเฟ้อก็จริงแต่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ แต่เราสร้างมูลค่าเพิ่มไม่ได้

“เศรษฐกิจพอเพียง”ภูมิคุ้มกันประเทศ

อย่างไรก็ตามการลงทุนสำคัญคือการสร้างมูลค่าในอนาคต ถ้าเราใช้เทคโนโลยีแบบเก่า อุตสาหกรรมแบบเก่า การเกษตรแบบเก่า มีโอกาสน้อยมากที่จะก้าวสู่ประเทศที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ หลาย ๆ ครั้งเราพยายามใช้เรื่อง เศรษฐกิจพอพียง อันนี้  ถูกต้อง ซึ่งเราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศเรา แต่ปัจจุบันภูมิคุ้มกันที่เรามีตกลงทุกวัน

ภูมิคุ้มกันคือปัญหาจากภายนอกที่เข้าสู่เรา บางทีเราก็  ปรับตัวไม่ทัน เช่น โรคอุบัติใหม่ ถ้าโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้น หากเราไม่พร้อมทางสุขภาพ สาธารณสุข เราจะแก้ปัญหาได้ยาก มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราล้มแล้วลุกไม่ขึ้น แสดงว่าภูมิคุ้มกันเรามีไม่พอ คำถามที่ว่าเรามีความรู้แค่ไหน เรามีการเตรียมพร้อมแค่ไหน ซึ่ง   เป็นสิ่งสำคัญ หรือแม้กระทั่งเรา   นำเทคโนโลยีเข้ามา ตัวอย่างที่เห็นชัด      คือ “รถไฟฟ้า” มาเร็วมาก แรงมาก ถามว่าเรามีภูมิคุ้มกันอะไรบ้าง เราเข้าใจแค่ไหน เรามีการเตรียมพร้อมกับรถไฟฟ้าแค่ไหน การจัดการรถไฟฟ้าที่หมดอายุแค่ไหน ปัญหาแบตเตอรี่ที่หมดอายุ       แล้วจะจัดการอย่างไร สิ่งเหล่านี้คือภูมิคุ้มกันที่จะต้องสร้างภายในประเทศให้ได้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่แปรปรวนเสมอ.

เป้าหมายทั้ง 17 ข้อ

เป้าหมายที่ 1: ยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่

เป้าหมายที่ 2: ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการ และส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 3: สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย

เป้าหมายที่ 4: สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เป้าหมายที่ 5: บรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน

เป้าหมายที่ 6: สร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาล ให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้ สำหรับทุกคน

เป้าหมายที่ 7: สร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน

เป้าหมายที่ 8: ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่และ มีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน

เป้าหมายที่ 9: สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม ที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรม

เป้าหมายที่ 10: ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศ

เป้าหมายที่ 11 : ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ มีความครอบคลุม ปลอดภัย ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง และยั่งยืน

เป้าหมายที่ 12: สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 13: ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น

เป้าหมายที่ 14: อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 15: ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพกลับมาใหม่ และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

เป้าหมายที่ 16: ส่งเสริมสังคมที่สงบสุขและครอบคลุม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคนเข้าถึงความยุติธรรม และสร้างสถาบันที่มีประสิทธิผล รับผิดชอบ และครอบคลุมในทุกระดับ

เป้าหมายที่ 17: เสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน