ฟังเสียง “นายภูมิธรรม เวชยชัย “รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี ซึ่งถือเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักและมีความเป็นไปได้สูง อย่าลืมว่า”นายภูมิธรรม” หรือ”พี่อ้วน”ชื่อเล่นที่สื่อมวลชน เรียกกันติดปาก ถือว่าเป็นบุคคลที่”นายทักษิณ ชินวัตร “ อดีตนายกฯให้ความไว้วางใจ เพราะร่วมงานกันมานับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย(ทรท. ) จนมาถึงพรรคเพื่อไทย(พท.) เปรียบเสมือนเป็นมันสมองและคู่คิดทางการเมืองให้กับอดีตนายกฯ ก็พูดได้

ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องแปลก ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง และเข้ามาทำหน้าที่เป็นรมว.กลาโหม ดูแลกองทัพ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคพท. เพราะช่วงถูกรัฐประหารไป 2 ครั้ง ทั้งในสมัยนายทักษิณเป็นนายกฯเมื่อปี 49 และในช่วงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เมื่อปี 57 ดังนั้นความเคลื่อนไหวของกองทัพ จึงเป็นภารกิจสำคัญ ที่นายทักษิณมอบให้”บิ๊กอ้วน” เข้ามาดูแล และป้องกันไม้ให้เกิดปัญหาซ้ำร้อยเหมือนในอดีต ยิ่งหลายคนมองว่า การที่”น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ถือเป็นไพ่ใบสุดท้ายของนายทักษิณ ซึ่งอดีตนายกฯคงไม่สร้างเงื่อนไข ทำให้เกิดวิกฤติการเมือง ต้องนำมาสู่การหาทางออกประเทศ ด้วยวิธีการนอกกระบวนการประชาธิปไตย

“ผมไม่กังวลใจ กับคำถามที่ว่าปีหน้าจะวุ่นวาย ถ้าเชื่อว่าจะวุ่นวายจะโดนรัฐประหาร ก็ต้องไม่เชื่อมั่นว่าจะครบ 4 ปี ตอนนี้เรายังเชื่อมั่นว่าจะอยู่ครบ 4 ปี และเชื่อว่าปัญหาทุกปัญหา เราจัดการได้ด้วยความเข้าใจและอดทน“นายภูมิธรรมกล่าวและตอบคำถามกรณีกรณีนายทักษิณบอกว่า จะไม่มีการยุบสภา ถ้าจะยุบก็ยุบก่อน 3-4 วันก่อนครบเทอมว่า ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องยุบสภา เราอยากทำงานอยู่แล้ว รัฐบาลนี้ไม่กลัวอุปสรรค เมื่อถามว่า ไม่มีอะไรกับทหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ไม่มีๆ ดีมาก อีกไม่กี่วัน จะไปรับประทานอาหารที่บ้านผู้บัญชาการทหาร และจะชวนผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพทั้งหมดไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เห็นบอกมีผู้บัญชาการทหารคนหนึ่งทำอาหารอร่อย โดยบอกว่าท่านทำเลยเดี๋ยวไปกินด้วยกัน


ส่วนกรณีที่มองกันว่า การมองกันว่า การเมืองปี 2568 จะเริ่มร้อนแรงหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางกลับประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย หรือกรณีปัญหาเอ็มโอยู 44 จะเป็นปฏิกิริยาเร่งให้คนลงถนนจนถึงขั้นมีการปฏิวัติเหมือนในอดีตหรือไม่นั้น รองนายกฯ ยังไม่คิดมองไปถึงขั้นอันตรายมาก อย่างที่กังวลใจกัน เพราะหลายเรื่องยังเป็นเรื่องสมมุติ อย่างกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เอง ก็คงอยากกลับบ้าน ตามธรรมดาของคนที่ไปอยู่ต่างประเทศ เพราะไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่ากับบ้านของเรา ทุกอย่างต้องมีเหตุและผล ถ้าเข้ามาโดยมีเหตุและผล มีสังคม มีกติกา มีกฎหมายยอมรับ ก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยถูกข้อกล่าวหาอะไร ก็ต้องเคลียร์ข้อกล่าวหานั้นให้จบ

พร้อมย้ำความสัมพันธ์ที่ดีมากกับกองทัพ อีกไม่กี่วัน จะไปรับประทานอาหารที่บ้านผู้บัญชาการทหาร และจะชวนผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพทั้งหมดไปนั่งกินข้าวด้วยกัน เห็นบอกมีผู้บัญชาการทหารคนหนึ่งทำอาหารอร่อย โดยบอกว่าท่านทำเลยเดี๋ยวไปกินด้วยกัน
จับคำให้สัมภาษณ์”ผู้จัดการรัฐบาล” ยืนยันว่า สามารถจะจัดการปัญหาได้ ทั้งเรื่องเอ็มโอยู 44 ซึ่งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย( พธม.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) พรรคฝ่ายค้านต่างเรียกร้องให้ออกมายกเลิก รวมทั้ง “นายชวน หลีกภัย” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป. ) ก็ออกมาเปิดเผยว่า ได้ติดตามว่าทำไมคณะรัฐมนตรี (ครม.)“ สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติยกเลิกเอ็มโอยูฉบับนี้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์อธิบายให้ฟังว่า

ทางกระทรวงการต่างประเทศในสมัยนั้นไม่เห็นด้วยกับเอ็มโอยูดังกล่าว แต่เมื่อเป็นความต้องการของฝ่ายการเมืองก็ต้องทำ เขาคงรู้แล้วว่าที่ไปทำไว้ มีอะไรที่เป็นจุดอ่อนจุดแข็ง ทำให้เสียเปรียบ แต่ข้อตกลงนี้มีข้อหนึ่งระบุไว้ว่าหากจะหาผลประโยชน์ร่วมกัน จะต้องทำให้ข้อตกลงเรื่องเขตแดนจบก่อน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยังเล่าอีกว่า เคยสอบถามข้าราชการขณะนั้นว่า ปัญหาคือรมว.ต่างประเทศทำไป เพราะเกรงใจนายทักษิณหรือไม่ ปัญหาคือความสัมพันธ์ส่วนตัวถึงขั้น มาขอให้ยอม มันเป็นข้อเท็จจริง และคงมีข้อยุติในวันใดวันหนึ่ง คนที่รู้ก็จะต้องเปิดเผยออกมา ซึ่งคงต้องรอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร


ขณะที่” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา กลับมีมุมมองแตกต่างกับผู้จัดการรัฐบาลโดย ประเมินถึงสถานการณ์การเมืองในปี 68 ว่า รัฐบาลได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 เป็นเวลาเกือบครึ่งเทอม เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีความเข้มข้นของการเมืองมากกว่าปีแรกๆ รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกมาก ส่วนตัวจึงเชื่อว่าปี 68 การเมืองอาจจะรุนแรงมากกว่าปี 66 และ 67 หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชนที่เดือดร้อนในขณะนี้ได้ ความร้อนแรงก็จะลดลงไป รัฐบาลก็อาจจะอยู่ครบเทอมก็ได้ จึงขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ในฐานะที่เป็นประธานรัฐสภา เห็นว่านักการเมือง ทั้ง สส. และ สว. พัฒนาการไปในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น การอภิปราย การทำการบ้าน ของสมาชิกรัฐสภาก็เป็นไปด้วยดี มีหลักมีฐาน การประชุมสภาปี 67 ที่ผ่านมาก็ไม่เคยล่ม องค์ประชุมครบ เหวังว่าในปี 68 เฉพาะในด้านนิติบัญญัติ คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมือนกับปีที่ผ่านมา


“ หวังว่าพี่ประชาชนจะใช้สภาแก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่าที่จะแก้ด้วยวิธีอื่นๆ เพราะวิถีประชาธิปไตยคือการใช้รัฐสภา เป็นที่ถกเถียงแก้ปัญหาของบ้านเมือง สภาพร้อมจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ” ประธานรัฐสภา

อย่าลืมนอกจากการแก้ไขปัญหาต่างของรัฐบาล ที่เป็นปัจจัยสำคัญในความอยู่รอด การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ หากฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ด มีหลักฐานเป็นใบเสร็จ เชื่อได้ว่าจะส่งผลกระทบกับฝ่ายบริหารแน่นอน

ขณะที่มุมมองเรื่องการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ. ) และสมาชิกอบจ.ทั่วประเทศ จากนักวิชาการก็น่าสนใจ โดย”นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล” อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกอบจ. ว่า เป็นการสะท้อนการเมืองระดับประเทศ การเมืองบ้านใหญ่ที่ส่งคนลงสมัครจะมีแนวโน้มได้เปรียบมากกว่า หลายจังหวัดที่บ้านใหญ่อย่างพท.จะแพ้ไม่ได้ เช่น ที่จ.เชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่พรรคปชน.ก็มีโอกาส ดังนั้น การแข่งขันระหว่าสองพรรคจะดุเดือด

“ที่เชียงใหม่ พรรคพท.ก็หวังชนะ ซึ่งจะเป็นการวัดบารมีคุณทักษิณ หากแพ้พรรคปชน. จะส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติครั้งหน้า เพราะบรรดา ส.ส. ที่มีแผนจะย้ายค่ายมาพท. อาจจะเปลี่ยนใจไปภูมิใจไทย(ภท).ได้ พท.จึงต้องชนะเพื่อทำให้คนมั่นใจว่าพรรคจะกลับมา และทำให้ถนนทุกสายมุ่งมาที่พรรคพท. การเลือกตั้งอบจ.คราวนี้จึงมีผลต่อการเมืองระดับชาติมากๆ” นายปริญญา กล่าว

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 88686778.jpg

นายปริญญา กล่าวอีกว่า โอกาสของพรรคปชน. กับการเลือกตั้ง อบจ. ที่เหลืออีก 40 กว่าจังหวัดที่จะเลือกพร้อมกันในเดือนก.พ.2568 บ้านใหญ่จะจับมือกันมีน้อยกว่า ประการที่สอง ในการเลือกตั้งระดับชาติพรรคปชน.ยังมีไพ่หลายใบ โดยมีว่าที่นายกฯ ที่เขามั่นใจว่าจะได้คะแนนนิยม เพื่อรักษาแชมป์ และหวังว่าจะได้ ส.ส. มากกว่าเดิม ขณะที่พรรคพท.ดูเหมือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายแล้ว ก็ต้องรอดูไพ่ใบใหม่ของนายทักษิณว่าจะมีอีกหรือไม่

แต่มี ข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของพรรคปชน. คือคำร้องกรณี สส.อดีตพรรคก้าวไกล(ก.ก.) 44 คน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมในเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเชื่อว่าไม่โดนทั้งหมด เพราะการลงชื่อเสนอร่างกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ ส.ส. ตามรธน. ถ้าจะโดน ก็ต้องเป็นการกระทำอื่น ซึ่งต้องว่าเป็นรายคน ต้องดูว่าป.ป.ช.มีมติส่งศาลฎีกากี่คน แล้วรับคำร้องกี่คน ซึ่งถ้าศาลฎีการับคำร้อง ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้พรรคปชน.มีส.ส.น้อยลง และกลายเป็นพรรคอันดับ 2 ได้.ที่ผ่านมาในอดีตที่ผ่านมา นักการเมืองระดับชาติไม่สนใจการเมืองท้องถิ่น แต่ระยะหลังพอพรรคปชน. หวังขยายฐานการเมืองลงสู่ท้องถิ่น ทำให้พรรคการเมืองอื่นต่างๆตื่นตัว ยิ่ง”นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคพท. ในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.หลายพื้นที่ ยิ่งทำให้พรรคอื่นอยู่เฉยไม่ได้ เพราะอาจตกเป็นฝ่ายตั้งรับ โดยเฉพาะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ที่มีเดิมพันสูง หวังคว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องรอบทสรุปในการช่วงชิงเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นจะเป็นอย่างไร

ด้าน “นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคปชน.” กล่าวระหว่างช่วยนายชลธี นุ่มหนู ผู้สมัคร นายกอบจ. ตราด โดยตอบคำถามสื่อมีความกังวลที่จังหวัดตราดจะแพ้การเลือกตั้งอบจ. เหมือนจังหวัดอื่นๆหรือไม่ว่า พรรคปชน.ได้ส่งตัวเองมาหาเสียงทั้งจันทบุรีและตราด พร้อมปรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียงตั้งแต้ต้นจนจบ โดยเฉพาะจันทบุรีและตราด เป็นจังหวัดเศรษฐกิจผลไม้ ที่ทางพรรคให้ความสำคัญ.