จากกรณีเรือนจำกลางปัตตานี ได้จัดกิจกรรมให้ผู้ต้องขังแข่งขันฟุตซอล เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 67 เพื่อให้ผู้ต้องขังแข่งขันกันเพื่อเป็นการผ่อนคลาย และได้ออกกำลังกาย กระทั่งการแข่งขันเช้าวันนี้ (1 ม.ค. 68) ทำให้เกิดกระทบกระทั่งกัน ส่งผลให้กองเชียร์เกิดอารมณ์ร่วมกับผู้แข่งขัน จนทำให้เกิดตุการณ์ทะเลาะวิวาทดังกล่าวขึ้น โดยมีการใช้อาวุธเป็นเหล็กแหลมทำร้ายร่างกายกัน ส่งผลให้มีผู้ต้องขังได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้ผู้คุมทั้งหมดจึงออกมาห้าม เหตุการณ์จึงเริ่มคลี่คลายลง ผู้คุมจึงลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งไปรักษายังโรงพยาบาลปัตตานี ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (31 ธ.ค. 67) เรือนจำกลางปัตตานี แดน 1 ได้มีการจัดกิจกรรมแข่งขันฟุตซอลเนื่องในเทศกาลปีใหม่ เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ผ่อนคลาย ได้มีกิจกรรมออกกำลังกาย แต่ปรากฏว่ากองเชียร์ได้เกิดการกระทบกระทั่งกัน มีการโต้เถียงกัน ซึ่งผู้คุมก็ได้พยายามเข้าไปแยกจนสถานการณ์คลี่คลาย ต่อมาวันนี้ (1 ม.ค. 68) ผู้ต้องขังที่กระทบกระทั่งกันยังมีอารมณ์ไม่พอใจในลักษณะอารมณ์ร่วม “บอลจบคนไม่จบ” จึงเป็นเหตุให้มีผู้ต้องขังเสียชีวิต 1 ราย จากการถูกแทงเข้าที่หน้าอก อาวุธถูกบริเวณหัวใจ ไปเสียชีวิตที่ รพ.ปัตตานี และยังมีผู้ต้องขังที่ได้รับบาดเจ็บทั่วไปอีกประมาณ 10 ราย เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานีเช่นเดียวกัน ขณะนี้ยังมีผู้ต้องขังที่อาการสาหัสรักษาในห้องไอซียู 1 ราย คาดว่าน่าจะอาการปลอดภัยแล้ว

“จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธเหล็กแหลมแทงเพื่อนผู้ต้องขังนั้น เป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งโทษที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับก็มีทั้งโทษทางอาญา และโทษทางวินัยของผู้ต้องขัง” รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุ

นางกนกวรรณ เผยต่อว่า ขั้นตอนต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย และต้องสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด เพื่อดูให้แน่ชัดว่าทั้งหมดไม่ได้มีปมทะเลาะวิวาทกันมาก่อนหน้าหรือไม่ โดยเบื้องต้นหากดูจากในภาพและคำบอกเล่า คาดว่ามีผู้ต้องขังประมาณ 40 ราย ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีทั้งมือแทง และกลุ่มคนที่ตะลุมบอนกัน อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการสอบสวนแน่ชัดแล้วจึงจะแยกผู้ต้องขังออกจากกัน โดยเบื้องต้นอาจจะย้ายทั้ง 40 รายนี้ บางส่วนจะแยกไปคุมขังยังเรือนจำกลางสงขลา และบางส่วนแยกไปคุมขังยังเรือนจำจังหวัดนราธิวาสเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำหรือต้องเจอกันอีก

นางกนกวรรณ เผยอีกว่า สำหรับอาวุธที่ใช้แทงหน้าอกของผู้ต้องขังที่เสียชีวิตนั้น ผู้ก่อเหตุได้อาศัยจังหวะชุลมุน ไปดึงเหล็กที่อยู่บริเวณรั้ว ความยาวประมาณ 6-7 นิ้ว มาก่อเหตุ ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ยังไม่พบว่าผู้ต้องขังมีเหตุทะเลาะวิวาท หรือแบ่งพรรคพวกจากเรื่องอื่นกันมาก่อน มีเพียงแต่มูลเหตุเรื่องการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่อย่างไรทางเรือนจำฯ ก็ต้องตรวจสอบย้อนหลังให้ได้ความครบถ้วนมากที่สุด จะมีการดูกล้องวงจรปิด และสอบสวนปากคำพยานแวดล้อม อีกทั้ง ผบ.เรือนจำกลางปัตตานี จะเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ด้วยตัวเอง รวมถึงยังจะมี ผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ มาช่วยดูด้วย ทั้งนี้ในส่วนของการสอบสวนข้อเท็จจริงก็จะมีการดำเนินคู่ขนานไปไม่ว่าจะเป็นการแจ้งความร้องทุกข์ทางคดีอาญา เป็นต้น

นางกนกวรรณ เผยด้วยว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้น ราชทัณฑ์จะมีการวางแนวทางมาตรการไปที่กระบวนการการวางสายข่าวภายในแดนเพื่อดูว่าผู้ต้องขังแต่ละรายมีความขัดแย้งอะไรกันหรือไม่ เพราะถ้าหากมีการทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน กิจกรรมก็อาจจะต้องงดชั่วคราวไปก่อน เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งเช่นนี้อีกได้ อีกทั้งในช่วงเทศกาลวันหยุดต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีจำนวนน้อย แต่ทางเรือนจำเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะต้องการให้ผู้ต้องขังได้ใช้เวลาในช่วงวันหยุดมีกิจกรรมผ่อนคลาย ดังนั้นในส่วนของเรือนจำอื่นทั่วประเทศ หากจะมีการจัดกิจกรรมใด ก็จะต้องมีการวางสายข่าวไว้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดลักษณะนี้

นางกนกวรรณ ปิดท้ายว่า สำหรับเรื่องการเยียวยาจ่ายค่าชดเชยญาติของผู้ต้องขังที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น ทางผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานีจะได้มีการพูดคุยกับญาติผู้ต้องขัง ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยังได้ประสานงานมาที่กรมราชทัณฑ์ และเน้นย้ำถึงขั้นตอนการเยียวยา พูดคุยกับญาติผู้ต้องขังเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ประสงค์ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น.