วานนี้ (31 ธ.ค. 2567) สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ รายงานกรณีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน โดนคนร้ายใช้ปืนยิงจนเสียชีวิตเกือบทั้งครอบครัว ระหว่างเดินทางไปฉลองวันเกิดในเมืองดูรังโก ประเทศเม็กซิโก มีเพียงวัยรุ่นชายที่รอดชีวิต แต่อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤติ
ครอบครัวจากเมืองชิคาโกผู้เคราะห์ร้าย ประกอบด้วยวัยรุ่นชายอายุ 14 ปีที่รอดชีวิต, พ่อ ลุง และลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตทั้งสามคน
วิเซนเต เพนยา ปู่ของวัยรุ่นชายเรียกการกระทำของคนร้ายว่าเป็น “การสังหารหมู่” และกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “พวกเขากวาดล้างครอบครัวของผมทั้งหมด”
วัยรุ่นชายซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเม็กซิโก เนื่องจากอาการของเขายังอยู่ในขั้นวิกฤติ ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งสามคนได้แก่ วิเซนเต เพนยา จูเนียร์ วัย 38 ปี พ่อของเขา, อันโทนิโอ เฟร์นันเดซ วัย 44 ปี ลุงของเขา และฮอร์เก เอดูอาร์โด วาร์กัส วัย 22 ปี ลูกพี่ลูกน้องของเขา และเป็นชาวท้องถิ่นที่นั่น
อันโทนิโอ เฟร์นันเดซ หนึ่งในผู้เสียชีวิต วัยรุ่นชายที่รอดชีวิต (ซ้าย) และ วิเซนเต เพนยา จูเนียร์ พ่อของเขาที่ตกเป็นเหยื่อสังหาร
ครอบครัวนี้เดินทางมายังเม็กซิโก เพื่อฉลองวันเกิดให้วัยรุ่นชาย และในขณะที่พวกเขากำลังขับรถเอสยูวีป้ายทะเบียนรัฐอิลลินอยส์ มาถึงย่านลาส พัลมาส เขตเมืองดูรังโก เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 แก๊งคนร้ายก็เปิดฉากยิงใส่พวกเขา
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เนื่องจากทางการไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์ แต่รายงานข่าวระบุว่า ร่างไร้ชีวิตทั้งสาม ถูกพบใกล้กับรถของพวกเขา ซึ่งมีผู้นำไปจอดทิ้งไว้ริมถนน
ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุเผยให้เห็นรถยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่นอกถนน ในลักษณะที่เปิดประตูทิ้งไว้ทุกบาน ส่วนศพของผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้ารอบ ๆ รถ


ปู่ของวัยรุ่นชายเผยว่า พ่อของวัยรุ่นชายถูกยิง 4 ครั้งที่ศีรษะ และ 1 ครั้งที่บริเวณไหล่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ถูกยิงในรูปแบบเดียวกัน พวกเขามีบาดแผลจากกระสุนปืนหลายแห่งที่ศีรษะและไหล่
ด้านตำรวจเมืองดูรังโกกล่าวเพียงว่า การสังหารหมู่ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการก่ออาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองดูรังโก และยังไม่มีการระบุตัวผู้ต้องสงสัยในคดีสังหารโหดครั้งนี้
ทีมแพทย์ในเม็กซิโก แนะนำให้วัยรุ่นชายอยู่ในโรงพยาบาลที่เม็กซิโกต่อไปจนกว่าอาการจะดีขึ้น ขณะที่ครอบครัวของเขาเปิดระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำตัวเขากลับไปยังสหรัฐ
ก่อนหน้านี้เพียงสองสัปดาห์ ก็เกิดเหตุการณ์กลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นอเมริกันโดนทำร้าย และคู่สามีภรรยาสูงวัยชาวอเมริกันโดนยิงจนเสียชีวิตในเม็กซิโก
ราฟาเอล การ์โดนา อายุ 53 ปี และกลอเรีย แอมบริซ อายุ 50 ปี จากแคลิฟอร์เนีย ถูกพบว่าเสียชีวิตในรถกระบะในเมืองมิโชอากัง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ทั้งคู่ไปเยี่ยมครอบครัวที่เม็กซิโก ในระหว่างที่พวกเขาขับรถไปถึงสี่แยกและจอดรอ กลุ่มคนร้ายได้รัวกระสุนปืนใส่พวกเขา
ย้อนกลับไปในเดือน พ.ค. 2567 เจคและคัลลัม โรบินสัน พี่น้องชาวออสเตรเลีย วัย 30 และ 33 ปี กับแจ็ก คาร์เตอร์ โรด เพื่อนชาวอเมริกันวัย 30 ปี ของพวกเขาถูกฆ่า ขณะเดินทางไปเล่นกระดานโต้คลื่นในเมืองเอนเซนาดา เจ้าหน้าที่เชื่อว่าทั้ง 3 คน ตกเป็นเป้าหมายของโจรในพื้นที่ที่ต้องการขโมยยางรถยนต์ และเหยื่ออาจขัดขืน จึงถูกยิงเสียชีวิต
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกคำเตือนระดับ 2 แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังเม็กซิโก ว่าควรเดินทางด้วยความระมัดระวังมากขึ้น โดยระบุว่า “อาชญากรรมรุนแรง เช่น ฆาตกรรม การลักพาตัว การขโมยรถ และการปล้น เกิดขึ้นไปทั่วพื้นที่และเกิดขึ้นบ่อยครั้งในเม็กซิโก”
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : Facebook / Alerta Durango 2, SSP Durango, Facebook / Tony Fernandez, SpotFund