ดร.ชาญวิชย์ อริยาวรนันต์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง อะไรยอดฮิตยอดแย่แห่งปี 2567 กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ จำนวนทั้งสิ้น 1,105 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29–30 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาพบว่า
10 อันดับยอดฮิตแห่งปี 2567
1.รายการโหนกระแส ได้ 82.7%
2.นักกีฬาทีมชาติไทย วอลเลย์บอลหญิงและฟุตบอลทีมชาติไทย ได้ 81.5%
3.เทคโนโลยีโซเชียลมีเดีย ได้ 80.3%
4.ท่องเที่ยวสายมูและไหว้พระ ได้ 77.2%
5.กาแฟไทยและชาไทย ได้ 74.1%
6.ขนมไทย เช่น ลอดช่อง, ทับทิมกรอบ, บัวลอย, ขนมครก, ข้าวเหนียวมะม่วง ได้ 69.3%
7.ท่องเที่ยวชุมชนและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้ 68.1%
8.ออกกำลังกายและไลฟ์สไตล์สุขภาพ ได้ 65.5%
9.แฟชั่นและความงาม ได้ 58.1%
10.ซีรีส์เกาหลี ได้ 50.2%
10 อันดับยอดแย่แห่งปี 2567
1.คอนเทนท์ขยะในโซเชียลมีเดียและคดีแบงค์ เลสเตอร์ 73.6%
2.ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน 71.8%
3.สื่อเป็นพิษและความรุนแรงในสื่อ 70.4%
4.ปัญหายาเสพติด 68.9%
5.ปัญหาฝุ่น PM 2.5 64.2%
6.ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 63.7%
7.ทุจริตคอร์รัปชั่น 60.3%
8.ภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและหมอกควัน 58.4%
9.ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการเลือกปฏิบัติ 57.3%
10.ความขัดแย้งทางการเมือง 48.9%
การสำรวจผลโพลเรื่อง “อะไรยอดฮิตยอดแย่แห่งปี 2567” จากสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เปิดเผยถึงสิ่งที่ได้รับความสนใจและถูกใจ รวมถึงสิ่งที่ถูกตำหนิจากประชาชนไทยในปีนี้อย่างชัดเจน ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ทางสถิติที่ละเอียดอ่อน และการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างมากมายทั่วประเทศ ในห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นตัวและความท้าทาย สะท้อนให้เห็นความต่างของประเทศไทยในสายตาคนไทย ทั้งในด้านที่ส่องแสงแห่งความสำเร็จความสุขของประชาชนและในด้านที่ซุกซ่อนเงามืดแห่งความล้มเหลว
ข้อเสนอแนะภาพรวม:
1.การควบคุมคุณภาพเนื้อหาสื่อโซเชียลมีเดีย จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรฐานควบคุมคุณภาพเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับผลกระทบของคอนเทนต์ขยะ
2.การส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษา การเพิ่มการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงให้แก่เยาวชนในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับการแข่งขันและความท้าทายในอนาคต
นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือ ข้อเสนอแนะต่อ อะไรที่ยอดฮิตที่สำคัญบางประการคือ
1.การส่งเสริมกิจกรรมวัฒนธรรมไทย เนื่องจากขนมไทยและกาแฟไทยมีความนิยมสูง (74.1% และ 69.3%) ควรส่งเสริมการตลาดและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย รวมทั้งจัดงานเทศกาลหรือการอบรมเพื่อสืบทอดและเผยแพร่ภูมิปัญญาไทยไปยังเวทีโลก
2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่องเที่ยว การท่องเที่ยวชุมชนและเชิงอนุรักษ์ได้รับความนิยม (68.1%) รัฐควรลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาการเข้าถึง การส่งเสริมการตลาดออนไลน์ และการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
สำหรับข้อเสนอแนะต่อ อะไรที่ยอดแย่แห่งปี 2567 คือ
1.การควบคุมคุณภาพสื่อ คอนเทนต์ขยะในโซเชียลมีเดียมีผู้ไม่พอใจมากถึง 73.6% ควรมีการตั้งมาตรฐานและกฎระเบียบเพื่อควบคุมคุณภาพเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้สื่ออย่างมีจริยธรรมและตระหนักถึงผลกระทบ
2.การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนธุรกิจ เศรษฐกิจที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อประชาชนมาก (71.8%) รัฐบาลควรจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและส่งเสริมนโยบายที่เอื้อต่อการเริ่มต้นและการดำเนินธุรกิจในประเทศ
3.การเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการภาวะวิกฤตสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจมาก (64.2%) ควรเสริมสร้างนโยบายและมาตรการในการจัดการมลพิษทางอากาศอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

การนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปฏิบัติจะช่วยแก้ไขปัญหาและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในสังคมไทย และทำให้ประเทศไทยก้าวผ่านความท้าทายที่มีอยู่ไปสู่อนาคตที่สดใสและสงบสุขมั่นคง ดังนั้น การพัฒนาชุมชนและพัฒนาเมืองสังคมไทยในทิศทางที่ดีขึ้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างประเทศไทยที่แข็งแรงและยั่งยืนต่อไป…