เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กลาโหม ปฏิกิริยาของทหารเป็นอย่างไร ว่า มีหลายเรื่องที่เขาเป็นห่วง เช่น การห้ามปฏิวัติ และไม่ต้องห้าม เพราะรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดห้ามอยู่แล้ว ว่าทำไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะทำ แต่ถ้าจะทำก็คงจำเป็นต้องทำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาคือต้องช่วยกันรอบด้านไม่ให้มีการปฏิวัติ เพราะเขาก็ไม่อยากทำเหมือนกัน
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ทหารยังรู้สึกกังวลใจและไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายทหาร เวลาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะถ้ารู้ว่าคนคนนี้จะเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ซึ่งทหารบอกว่าผิดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทัพ กองทัพมีหน้าที่ในการปกป้องธิปไตยของชาติ ถ้าสั่งว่าต้องไปรบ แต่ลูกน้องบอกว่า ไม่ไป เพราะมันไกล การปฏิเสธผู้บังคับบัญชาแบบนี้ทำไม่ได้ มันจะเสียวินัยการจัดการกองทัพ เพราะไม่ว่าถูกหรือผิด คนสั่งการจะเป็นคนรับผิดชอบ นอกจากนี้ถ้าสามารถโยกย้ายได้ เมื่อรู้ว่าใครจะทำรัฐประหาร ทั้งที่ไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์มายืนยัน ก็เกรงว่าจะถูกเอามาเป็นเงื่อนไขในการกลั่นแกล้งการเมือง จึงขอว่าอย่าทำเลย ให้เป็นการพูดคุยกันมากกว่า
“จากที่ผมพูดคุยกับทหารหลายระดับ ก็เห็นคล้ายกัน เรื่องนี้เราคงต้องทบทวน ซึ่งในที่ประชุมกลั่นกรอง ที่ผมเป็นประธานอยู่ ก็ให้กลับไปกรองดูว่าถ้าจะรักษาความต้องการของทั้งสองฝ่าย จุดศูนย์กลางอยู่ตรงไหน หรือถ้าเรื่องนี้รับกันไม่ได้เลย ก็อาจยังไม่มีข้อสรุป ตอนนี้ก็มาดูว่าเรื่องไหนทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ให้บอกมา” นายภูมิธรรม กล่าว
“ผมได้เข้าประชุมสภากลาโหม มาประมาณ 3 ครั้ง ก็รู้ว่าทหารไม่ได้ชอบโหวต แต่ชอบคุยกันให้เข้าใจ ดังนั้นจะ 5 คน หรือ 3 คน ไม่สำคัญ อยู่ที่การพูดคุยหลักการเหตุผล ผมก็รับฟังได้ แม้กระทั่งการแต่งตั้ง ผบ.ทร. ครั้งที่แล้ว ให้โหวตอย่างไรก็ไม่โหวต แต่เห็นว่าควรเป็นการเห็นพ้องกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามถึงการแต่งตั้งนายทหารผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นที่แตกต่าง ตนพูดไม่ได้ แต่ก็เคยมีกระบวนการแบบนี้มาก่อน และมีเหตุผลรองรับได้ แต่พูดยาก ตนสามารถทำให้เข้าใจ โดยไม่ใช่พูดที่สาธารณะ ซึ่งความเป็นจริงกระบวนการแต่งตั้งกองทัพเราก็ไม่อยากแทรกแซงอยู่แล้ว หรือแม้แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เราก็เข้าไปมีบทบาทมากกว่าทหาร ซึ่งสิ่งสำคัญคือการวางระบบ เพื่อให้เกิดความพอดีของฝ่ายนโยบายและฝ่ายกองทัพให้พอเหมาะพอควร เรื่องนี้ละเอียดอ่อน แต่สามารถทำความเข้าใจกันได้ ถ้าคุยกันแล้วอาจหาทางออกได้ โดยต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็ต้องบอกว่าหลายเรื่องยากจะพูด หลายเรื่องก็ชี้แจงได้ หลายเรื่องที่จำเป็นต้องบอกข้อเท็จจริงสาธารณะ.