สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ว่านายเดวิด เลียร์เมาต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอากาศ เปิดเผยกับสำนักข่าวสกายนิวส์ของสหราชอาณาจักร ว่าการที่เครื่องบินพุ่งชนกำแพงซึ่งอยู่ปลายรันเวย์นั้น ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของหายนะทางอากาศยานพาณิชย์ครั้งนี้ และอาจเข้าข่าย “อาชญากรรม”
เลียร์เมาต์เชื่อว่า ผู้โดยสารมีโอกาสรอดชีวิตสูง เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเครื่องยังคงสภาพสมบูรณ์เมื่อไถลไปตามพื้น แต่เมื่อเครื่องไถลไปถึงปลายรันเวย์และชนกระแทกเข้ากับกำแพง เครื่องบินก็พังเสียหายเกือบในทันที “โครงสร้างแบบนั้นไม่ควรมีอยู่” เขาย้ำ
แผนที่ดาวเทียมชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างคอนกรีตนี้ตั้งอยู่ที่ปลายรันเวย์ฝั่งใต้ ใกล้กับรั้วกั้นของสนามบินมาหลายปีแล้ว โดยรั้วดังกล่าวมีระบบช่วยลงจอด ซึ่งเอื้อให้นักบินลงจอดได้ในเวลากลางคืนหรือเมื่อทัศนวิสัยไม่ดี อย่างไรก็ตาม ในสนามบินส่วนใหญ่ ระบบดังกล่าวมักถูกวางบนโครงสร้างที่พับได้
“การมีวัตถุแข็ง ๆ ห่างออกไปไม่เกิน 200 เมตร… ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” เลียร์เมาต์กล่าวเสริม พร้อมอธิบายว่า หากเครื่องบินไม่ชนกำแพง เครื่องจะทะลุรั้วออกไป พุ่งข้ามถนน และหยุดลงในทุ่งหญ้าที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งช่วยให้มีพื้นที่เหลือเฟือในการชะลอความเร็วและหยุดนิ่ง และผู้โดยสารยังอาจมีชีวิตอยู่ ส่วนนักบินอาจบาดได้รับเจ็บจากการฝ่ารั้วรักษาความปลอดภัย และเลียร์เมาต์เชื่อว่า พวกเขาอาจรอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม นางแซลลี เกธิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินอีกคนหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับเลียร์เมาต์ว่า ทุกคนจะรอดชีวิต เธอกล่าวว่า กำแพงดูเหมือนจะช่วยรักษาความเร็วเอาไว้ได้ แต่ต่อให้มีพื้นที่มากกว่านี้ที่ปลายรันเวย์ กำแพงคอนกรีตก็อาจกลายเป็นหายนะได้เช่นกัน
ขณะที่กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ชี้แจงว่า ความยาวรันเวย์ 2,800 เมตรของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ปัจจัยของการพุ่งชน พร้อมยืนยันว่า กำแพงดังกล่าวได้รับการสร้างขึ้น ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม.
เครดิตภาพ : AFP