กรณีข่าวโศกนาฏกรรมที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ รายงานว่าเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของเจจู แอร์ เที่ยวบิน 7ซี2216 ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เสียหลักไถลออกนอกรันเวย์และชนเข้ากับแนวรั้วกั้น ที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ในจังหวัดช็อลลาใต้ เมื่อเวลา 07.07 น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 179 คน และรอดชีวิตเพียง 2 คน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊กบันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน เพจที่รวบรวมข่าวสารด้านการบินและความรู้การบิน ได้ออกมาโพสต์วิเคราะห์สาเหตุของเรื่องชนนก ระบุว่า มีหลาย ๆ คนตั้งข้อสังเกตเรื่องการชนนกของเครื่องบินสายการบิน jeju air วันนี้พึ่งจะว่างเลยขอมาเล่าให้ฟังครับ ปกติเครื่องบินมีการชนนกเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะนกเป็นสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติ เราไม่สามารถห้ามนกบินได้ นกเป็นสัตว์ที่อยู่ประจำถิ่น ตัวเล็กบ้างใหญ่บ้างขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสนามบินนั้น ๆ

ในแต่ละปีทั่วโลกเครื่องบินชนนกจนเกิดความเสียหายต่อลำตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายในการซ่อมบำรุง มากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (เท่าที่มีการรายงาน) และแน่นอนมันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ดังนั้นสนามบินต่าง ๆ จะมีการแจ้ง NOTAM (Notic To Airman) ให้นักบินทราบว่าถ้ามาลงสนามบินนี้อาจจะพบเจอนกประจำถิ่นให้นักบินระมัดระวัง

แต่เครื่องบิน บินด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ทำให้หลาย ๆ ครั้งนักบินไม่สามารถหลบหลีกได้ทันจึงเกิดการชนนกขึ้น ตัวผมเอง ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ก็กำลังเทคออฟ ขณะเครื่องยกตัวขึ้น นักบินก็กำลังมองหน้าจอต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความปกติของเครื่องยนต์ ผมเองเหลือบขึ้นมามองอีกทีเหลือสนามบินสุวรรณภูมิก็เห็นฝูงนกฝูงใหญ่ กำลังบินเข้ามาหาเครื่องบิน ในใจตอนนั้นก็นึกถึงภาพกัปตัน Sully ลอยขึ้นมาในทันใด แต่ด้วยความที่นกฝูงนี้อาจจะมีแค่ 10-15 ตัว ไม่ใหญ่มาก และด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด นกก็บินหลบออกไป ผมเลยไม่ชนนก แต่ตอนนั้นบอกตรง ๆ ใจหายแว๊ปเหมือนกัน

ดังนั้นสนามบินต่าง ๆ จึงมีหน่วยงานสำหรับไล่นกโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน มีทั้งการยิงพลุ แสง สี เสียง เพื่อไล่นกไป แต่อย่างว่าครับ สัตว์มันอยู่ตามธรรมชาติของมันไล่ไปเดี๋ยวมันก็มาใหม่ เพราะบริเวณสนามบินเป็นพื้นที่เปิดโล่ง

ผู้ผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินเองก็ตามเขาก็พยายาม ทดสอบ ป้องกัน เครื่องยนต์ของเครื่องบินเองเหมือนกัน และผลิตเครื่องยนต์ที่มีการทดสอบการทำงานในสภาพที่ไม่ได้เกิดง่าย ๆ ในภาวะปกติได้ (ต้องแยกกันก่อนนะว่า บริษัทผลิตเครื่องบินเค้าผลิตเครื่องบินอย่างเดียว เขาไม่ได้ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินด้วย และบริษัทผลิตเครื่องยนต์เขาก็อาจจะไม่ได้ผลิตเครื่องบินด้วยเหมือนกัน ดังนั้นสายการบินไหนซื้อเครื่องบินของแต่ละค่าย เขาก็จะเลือกเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานของสายการบินเค้าครับ ไม่เหมือนเราซื้อรถยนต์นะ)

แต่กว่าที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน จะออกมาเครื่องยนต์ได้ก็ต้องผ่านการทดสอบต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ได้ใบรับรองมาว่าเครื่องยนต์สามารถทำงานได้ปกติ เมื่อเจอสถานการณ์ไม่ปกติ อย่างเช่นเครื่องยนต์ในการทำงานปกติในทุก ๆ เที่ยวบินอาจจะชนนกบ้าง ชนลำตัวชนที่เครื่องยนต์ ซึ่งนกจริง ๆ คงไม่ได้ตัวใหญ่มาก ยกเว้นนกที่ตัวใหญ่ ๆ เขาก็ต้องบินสูง ๆ และน้ำหนักนกเขาต้องมากตามไปด้วย นกปกติที่เราเจอทุก ๆ วันในบริเวณสนามบินแถวบ้านเรา หนักตัวละ 2 กิโลกรัมก็ตัวใหญ่มาก ๆ แล้วนะ แต่ผู้ผลิตเครื่องยนต์ก็ต้องการ การ certified ว่าเครื่องยนต์ของตัวเองสามารถทำงานได้แม้แต่นกตัวขนาดปกติบินชน เลยต้องมีการทดสอบก่อนทำการจำหน่ายด้วยการเอา ไก่งวงขนาดใหญ่ หนักมากกว่า 10 กิโล มาแช่แข็ง แล้วทำการยิงเข้าเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้รับใบรับรองในการขายเครื่องบินครับ ตามคลิปนี้เลยครับ

ปล.ทุกอย่างอาจจะเกิดจากเหตุ worst case scenario มากกว่านี้ก็ได้ครับ ผมไม่สามารถฟันธงได้ ได้แต่มาเล่าให้ฟังครับ ทั้งหมดต้องรอผลสอบสวนอย่างเป็นทางการนะครับ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยครับ…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @บันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน , @Mia Cruz