เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาช้างป่า ว่า ได้ให้นโยบายกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหลักการคือช้างอยู่ได้ คนอยู่ได้ ซึ่งต้องมีการดูแลควบคุมประชากรช้างป่า ซึ่งเบื้องต้นมีแนวทางการดำเนินการ คือ 1.การนำเอาวัคซีนทำหมันช้างเข้ามาช่วย 2.การสร้างกันชนระหว่างคนกับช้าง เราต้องเข้าไปดูว่าตรงนี้สามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และ 3.คือการผลักดันช้างกลับป่า เช่น การแยกช้างเกเรออกจากโขลง มีการติดตามเฝ้าระวังช้างกลุ่มนี้ เป็นต้น 

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีปริมาณช้างกว่า 4,000 ตัว ซึ่งมีอัตราการเกิด 7–8% ต่อปี หากไม่หยุดยั้งอัตราการเกิดของช้างตั้งแต่วันนี้จะส่งผลให้อีก 4 ปีข้างหน้า มีจำนวนช้างมากถึง 6,000 ตัว ในขณะที่มีพื้นที่ป่าเท่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิม อันจะนำไปสู่ปัญหาช้างป่าที่สร้างความเสียหายต่อพืชผลทางเกษตรและประชาชนได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหยุดยั้งอัตราการเกิดใหม่ของช้างป่า เพื่อให้ธรรมชาติกับมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้กรมอุทยานฯ  ได้กำหนดแผนดำเนินการทดลองและขยายผลการใช้วัคซีนกับช้างป่า ตามโครงการทดลองให้วัคซีนคุมกำเนิดแก่ช้างป่าในพื้นที่ภาคตะวันออก ในช่วงเดือน ม.ค. 2568 ซึ่งหากได้ผลเป็นที่น่าพอใจจะขยายผลการดำเนินการใช้วัคซีนในช้างป่ากลุ่มอื่น ๆ และพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป 

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงการเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินโครงการควบคุมประชากรช้างป่าโดยการใช้วัคซีนคุมกำเนิด อาจเป็นสาเหตุทำให้ประชาชนเกิดความสับสน มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และเกิดความตื่นตระหนกในสังคม ว่า ปัจจุบันปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่ายังคงมีอยู่และมีแนวโน้มสูงขึ้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ จนเกิดความสูญเสียทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตในคนและช้างป่าเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบัน มีรายงานประชาชนเสียชีวิตจากช้างป่า 240 ราย รับบาดเจ็บ 208 ราย มีความเสียหายต่อทรัพย์สินและพืชผลของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหา โดยกรมอุทยานฯ เร่งดำเนินการแก้ปัญหาช้างป่า 6 ด้านอย่างมีระบบและเหมาะสม

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิดเป็น 1 ในมาตรการดังกล่าวที่ทำควบคู่พร้อมกัน เพื่อเป็นทางเลือกควบคุมจำนวนประชากรช้างป่าและลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับช้างป่า ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของนายเฉลิมชัย ที่สั่งการให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการแก้ปัญหาช้างป่าที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นการเตรียมรองรับสถานการณ์ประชากรช้างป่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ที่ถิ่นอาศัยรองรับประชากรดังกล่าวไม่ได้แล้ว จึงร่วมกับศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาโครงการศึกษาวิจัยการใช้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า ด้วยการใช้วัคซีนคุมกำเนิด “SpayVac®” มีการใช้งานจริงในช้างแอฟริกามาแล้วและเริ่มโครงการทดลองฉีดวัคซีนคุมกำเนิดในช้างเพศเมียเต็มวัย 7 เชือก ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2567 มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ และติดตามผลหลังการฉีดวัคซีน 

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า โดยวัคซีน 1 เข็มจะควบคุมได้ระยะยาว 7 ปี และวัคซีนไม่มีผลต่อพฤติกรรมและสรีระของช้าง เป็นเพียงควบคุมฮอร์โมนช้างเพศเมียไม่ให้มีลูก ภาพรวมผลการทดลองหลังการฉีดวัคซีนพบวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ช้างไม่มีอาการอักเสบ วัคซีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อช้างที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของตัวช้าง และพฤติกรรมทางสังคมของช้างป่า จึงมีโครงการนำร่องขยายผลการใช้วัคซีนคุมกำเนิดระยะยาวในช้างป่าเพื่อควบคุมประชากรในเฉพาะพื้นที่ที่มีประชากรช้างป่ามากจนเกินศักยภาพของพื้นที่อนุรักษ์และขนาดของพื้นที่ป่าจะรองรับได้ คือ กลุ่มป่าตะวันออก หรือป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นกลุ่มประชากรช้างป่าที่มีอัตราการเพิ่มสูงที่สุดและกำลังเผชิญปัญหารุนแรงมากจากการที่ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์

“หากไม่รีบแก้ปัญหาจะเกิดผลเสียต่อชีวิตประชาชนมากขึ้นถึง 100 คนต่อปีได้ในอนาคต จึงต้องมองการรักษาชีวิตประชาชนแนวเขตป่าควบคู่กับการอนุรักษ์ช้างป่าด้วย”นายอรรถพล กล่าว 

นายอรรถพล กล่าวว่า การควบคุมประชากรช้างป่าโดยใช้วัคซีนคุมกำเนิด มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหาช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม มีแผนดำเนินงานที่รัดกุมผ่านการศึกษาวิจัยที่มีการทดสอบ ติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์ตามหลักทางวิชาการและเทคนิคการสัตวแพทย์ มีการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ เวชภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง กำหนดแนวทางการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งการศึกษาจำนวน โครงสร้างชั้นอายุ สัดส่วนเพศของประชากรช้างป่าในพื้นที่อย่างชัดเจนก่อนดำเนินการ การจำแนกตัวและทำอัตลักษณ์ช้างป่าแต่ละตัวในแต่ละฝูง 

“โครงการนี้จะเป็นแนวทางจัดการแก้ปัญหาช้างป่าและการบริหารจัดการพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า ให้ทุกภาคส่วนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลอย่างจริงจังมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าจากการลงพื้นที่ผลักดันช้างป่าและดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แต่ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอผลักดันช้างป่าจนนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย”อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว.