เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 30 ธ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในซอยเมืองแก้ว 6 ต.บางแก้ว อ.บางพลี หลังรับแจ้งจึงประสาน ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมกู้ชีพโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เดินทางไปตรวจสอบและช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุ บริเวณกลางถนนในซอยดังกล่าว พบผู้บาดเจ็บ ชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายรัชชานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี นักศึกษาช่างกล ปี 2 ของวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งย่านบางจาก นอนจมกองเลือด มีบาดแผลถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าบริเวณขาหนีบเลือดไหลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยกันปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจ ก่อนเร่งรัดนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ส่วนจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ภายในบ้านพัก ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่จึงเดินไปตรวจสอบ โดยตามทางที่ไปบ้านที่เกิดเหตุพบรอยเลือดหยดตลอดทาง ภายในบ้านหลังดังกล่าว พบ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เพื่อนรุ่นน้องของผู้เสียชีวิตยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบภายในห้องนอนของผู้เสียชีวิต พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ตกอยู่ 1 กระบอก และจากการตรวจค้นยังพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์อีก 2 กะบอกพร้อมอะไหล่ และอาวุธมีดอีก 2 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก
จากการสอบถาม นายเอ ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนนั้นอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุกับผู้ตาย 2 คน โดยที่ผู้ตายนั้นหยิบปืนจากกางเกงมาดู ซึ่งจังหวะที่ดึงออกจากกางเกงปืนเกิดลั่นเข้าที่บริเวณตรงระหว่างขาเลือดไหลจำนวนมาก ตนจึงช่วยเหลืออุ้มผู้บาดเจ็บไปบริเวณหน้าปากซอย เพื่อขอให้คนช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
ส่วน นายสญัน พรมา อายุ 42 ปี น้าของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ทั้ง 2 คนน่าจะเล่นปืนกันแล้วปืนเกิดลั่น โดยตนได้รับโทรศัพท์ว่า นายรัชชานนท์ บาดเจ็บ จึงเดินทางมาดูก็พบว่ามีการอุ้มมาไว้ที่หน้าปากซอยแล้ว โดยตอนมาถึงคนเจ็บนอนคว่ำหน้าไม่รู้สึกตัวแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือ
ส่วน นางวิเชียร ทองมี อายุ 71 ปี แม่ค้าหมูปิ้งหน้าปากซอย เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนขายของอยู่ตรงนี้ ตอนแรกที่เขาอุ้มคนเจ็บมา คนเจ็บซึ่งมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขาหนีบยังรู้เรื่องอยู่ แต่ผ่านไปสักพักคนเจ็บก็หมดสติ จนเจ้าหน้าที่มาปั๊มหัวใจก่อนนำส่งโรงพยาบาล
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ และเก็บวัตถุพยาน พร้อมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ปากคำที่โรงพัก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนร่างผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่มอบให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป.