กรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินเจจู แอร์ เที่ยวบินที่ 7C2216 มีผู้โดยสารทั้งหมด 175 ราย รวมทั้งลูกเรือ 6 ราย เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้นที่สนามบินนานาชาติมูอัน ในจังหวัดช็อลลาใต้ ของเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้โดยสาร เสียชีวิต 179 คน เป็นคนไทย 2 คน 1 ใน 2 คือ น.ส.จงลักษ์ ดวงมณี อายุ 45 ปี ชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่ บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 6 บ้านหนองแสง ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้าน น.ส.จงลักษ์ ดวงมณี อายุ 45 ปี หนึ่งในสองผู้โดยสารคนไทยที่เครื่องบินเจจู แอร์ไถลออกนอกรันเวย์ระเบิด เสียชีวิตที่เกาหลีใต้ ซึ่งมี น.ส.พรพิมล อัญชลี ปลัดอำเภอหนองวัวซอ เจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี เดินทางมาแสดงความเสียใจ และสอบถามข้อมูล เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น โดยมีนายบุญช่วย ดวงมณี อายุ 77 ปี พ่อ น.ส.จงลักษ์ ผู้เสียชีวิต และญาติพี่น้องให้ข้อมูล โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าว เดินทางมาสอบถามได้ให้กำลังใจ
นายบุญช่วย พ่อผู้ตาย เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน ส่วนภรรยาเสียชีวิต ผู้ตายเป็นลูกคนสุดท้อง เคยแต่งงานกับชาวพิจิตร มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิง อายุ 14 ปี ผู้ชายอายุ 7 ขวบ เมื่อ 6 ปีก่อน ผู้ตายเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีแบบผิดกฎหมาย เป็นผีน้อย ไปทำงานเกษตร ต่อมาพบรักกับคนเกาหลี จึงได้เข้ามอบตัวเพื่อเดินทางกลับไทย มาแต่งงานจดทะเบียนกับชาวเกาหลีให้ถูกต้อง แล้วเดินทางกลับไปทำงานที่เกาหลี โดยทำงานโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ และทำงานเกษตรกับสามี เพื่อหาเงินส่งธนาคาร ธอส.ที่ผู้ตายกู้เงินมาสร้างบ้าน 5 แสนบาท

นายบุญช่วย เล่าต่อว่า ลูกสาวจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านทุกปี และปีนี้ก็เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านกับสามีชาวเกาหลีเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ไปเที่ยวเชียงใหม่ก่อนกลับมาบ้านอุดรธานี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม มาเที่ยวงานทุ่งศรีเมือง ส่งสามีชาวเกาหลีกลับวันที่ 14 ธันวาคม ใกล้เดินทางกลับก็ไปพักอยู่ในตัวเมืองอุดรธานี วันที่ 27 ธันวาคม ลูกสาวเดินทางกลับ ได้นัดกินข้าวเที่ยง ตนก็ไม่ได้ไป เพราะลูกสะใภ้เอารถไปส่งคนป่วยไปโรงพยาบาล ลูกขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานี ตนก็รีบไปส่งแต่ก็ไปส่งไม่ทัน ทำให้ลูกน้อยใจบ่นว่าจะไม่กลับมาอีก
“รู้ว่าลูกเดินทางกลับเกาหลีเวลา 23.00 น. เมื่อคืนนี้ และจะถึงเกาหลีเช้าวันนี้ ซึ่งมีสามีชาวเกาหลีจะไปรับที่สนามบิน ทุกครั้งก็จะโทรฯ กลับมาบอกพ่อว่าถึงแล้ว พอเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจ พอบอกว่าเป็นชาวอุดรธานี ตนก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นลูกสาวตน ฝากขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ให้ช่วยจัดส่งศพลูกกลับบ้านด้วย ถ้าลูกรับรู้ได้ พ่อก็ขอโทษขออโหสิกรรม ที่ไปส่งลูกไม่ทัน ทำให้ลูกโกรธ ให้ไปเกิดที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วงลูกกับพ่อ ทรัพย์สินที่มีก็จะแบ่งให้หลาน”

น.ส.บุญสิตา ดวงมณี อายุ 18 ปี หลานสาว เล่าว่า สนิทกับอามาก อาเป็นคนใจดี อากลับมาบ้านครั้งล่าสุด ตนได้ไปเที่ยวงานทุ่งศรีเมืองกับอา อยากได้อะไรอาก็จะซื้อให้ และมักจะถามว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน อาจะพาไป ตนคุยกันกับอาทุกวัน อาคบกับแฟนเกาหลีมา 2 ปี แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน วันที่อาขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานี ตนกับปู่ไปส่งไม่ทัน แต่ตนได้คุยกันตอนที่อาขึ้นเครื่องที่พิษณุโลก เพราะว่าอาแวะไปเยี่ยมลูกที่ จ.พิจิตร เสร็จแล้วมาขึ้นเครื่องที่ จ.พิษณุโลก มาสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อบินกลับเกาหลี
“อาบอกว่าจะไม่กลับมาที่อุดรธานีอีกแล้ว และจะส่งเงินให้ปู่เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนลางสังหรณ์ ตนมีลางสังหรณ์ที่อาไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วถ่ายรูปใส่กรอบมาให้ กรอบก็เป็นกรอบสีน้ำตาลทอง เหมือนกับรูปตั้งหน้าศพ ถ้าอารับรู้ได้ หนูอยากจะบอกว่าคิดถึงอามาก ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย”

ส่วน น.ส.ภรณ์พิชญา เฉลิมศิลป์ อายุ 48 ปี เพื่อนสนิท เล่าว่า ตนเป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิท ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เล่นด้วยกัน โตมาด้วยกัน เรียนด้วยกัน และเคยไปทำงานที่เกาหลีด้วยกัน แต่ไปแบบผีน้อยผิดกฎหมาย เราทำงานทุกอย่าง ลำบากมาด้วยกัน แต่ผู้ตายมีผู้ชายเกาหลีมาชอบ จึงได้จดทะเบียนกัน ส่วนตนโดนจับกลับมา จากนั้นตนก็ไปทำงานไต้หวัน ตอนที่ผู้ตายกลับมาก็ไม่ได้พบกัน มักจะสวนทางกันตลอด ทำให้ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ยังรักและเป็นห่วงเหมือนเดิม พอได้ทราบข่าวว่าเครื่องบินตก เพื่อนเสียชีวิต ก็รู้สึกเสียใจ