เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เผยผลจับกุม น.ส.วีณา ดีสร้อย หรือ รจนา อายุ 44 ชาว อ.พาน จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 6025/2567 ลงวันที่ 13 ธ.ค. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ” โดยชุดจับกุม พ.ต.ท.ภัทร บุญอารักษ์สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.นิทัสน์ มีทอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ด.ต.วิฑูรย์ สร้อยละออง, จ.ส.ต.ปริญญา ชูช่วย และส.ต.อ.บวรลักษณ์ ภูมลา ผบ.หมู่กก.สส.4 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวได้ที่บริเวณห้องล็อบบี้ของโรมแรม วาบัว แอสโซเทล กรุงเทพ ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ ผู้เสียหายเป็นพนักงานร้านขายเสื้อผ้าในห้างย่านพญาไท แจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท ว่าผู้ต้องหาเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าทำทีเป็นลูกค้าเดินเลือกเสื้อผ้า เมื่อสบโอกาสจึงเดินไปที่โต๊ะเก็บเงิน จากนั้นเปิดลิ้นชักรีบหยิบเงินให้ได้มากที่สุด โดยจะเน้นเฉพาะธนบัตรใบละ1,000 บาท รวมเป็นเงินสดไปได้กว่า 14,000 บาท และต่อมาได้มีการร้องเรียนไปยังสืบนครบาลด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาชอบก่อเหตุในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ตามห้างสรรพสินค้า

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เดิมเป็นคนเชียงราย แต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้วได้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และจังหวัดชลบุรี เคยทำงานเป็นสาวโรงงาน เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กระทั่งพบรักกับแฟนชาวต่างชาติ ซึ่งเขาเลี้ยงดูทุกอย่าง แต่เมื่อเขากลับไปต่างประเทศ ทำให้ไม่มีรายได้ ว่างงาน”

ทั้งนี้ผู้ต้องหายอมรับว่า “ประวัติคดีลักทรัพย์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ ตนเป็นผู้ก่อเหตุจริง ซึ่งเหตุผลที่ทำไป เพราะตนไม่มีเงินกินข้าว ถูกจับกุมครั้งแรกตั้งแต่ปี 2556 และติดคุกมาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งล่าสุดโดนจับที่ สภ.เมืองพัทยา เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา แต่ตนขอชี้แจงว่าตามหมายจับของ สน.พญาไท ตนไม่ได้ขโมย เป็นเรื่องเข้าใจผิดและสุดท้ายเรื่องเงินจำนวน 46,538.50 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของตน ตนขอชี้แจงว่าเป็นเงินที่ตนขยันทำงาน อดออมจากน้ำพักน้ำแรงค้าขายของ และทำงานให้ชาวต่างชาติ ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการขโมยแต่อย่างใด โดยตั้งใจว่า หลังพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ จะนำเงินจำนวนนี้กลับไปตั้งตัวอยู่กับแม่ที่จังหวัดเชียงรายบ้านเกิด”

หลังจับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และประสานไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้อายัดตัวผู้ต้องหาคนนี้ในอีกคดีหนึ่ง

พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 7 คดี ทั้งหมดเป็นคดีลักทรัพย์ คือ 1. วันที่ 24 มี.ค. 56 ข้อหา “ลักทรัพย์” ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 2. วันที่ 7 พ.ย. 56 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน” ในพื้นที่ สน.ธรรมศาลา กทม. 3. วันที่ 16 ก.ย. 60 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 4. วันที่ 9 พ.ย. 65 ข้อหา “ลักทรัพย์” ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ กทม. 5. วันที่ 24 ก.ย. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์” ในพื้นที่ สน.ประเวศ กทม. 6. วันที่ 16 ก.ย. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ” ในพื้นที่ สน.พญาไท กทม. และ 7. วันที่ 27 ก.ย. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบประวัติคดีอาญา พบว่าผู้ต้องหามีประวัติอาชญากรรมทั้งหมด 7 คดี โดยทุกคดีล้วนเป็นคดีลักทรัพย์ จึงคาดว่าผู้ต้องหาตระเวนก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง และคงมีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้นับเป็นบุคคลเป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง จะต้องรีบติดตามจับกุมโดยเร่งด่วน ผู้ใดเคยตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.และพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.