ความเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันอีกครั้งว่า ความสัมพันธ์ในหมู่รัฐมนตรียังดีอยู่ และรัฐมนตรีแต่ละคนต่างก็ใช้เนกไทที่ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ให้ ในการทำงานปี 68 พรรคภูมิใจไทยจะเน้นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ต้องทยอยทำให้ครบทั้งประเทศ และถ้าปรับ ครม. พรรคภูมิใจไทยยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงอะไร

“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า หลังช่วงเทศกาลปีใหม่ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรับนโยบายในการปราบปรามผู้อิทธิพลต่อไป
สำหรับการสำรวจคะแนนนิยมรายไตรมาส นิด้าโพลสำรวจเรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2567” สำรวจระหว่างวันที่ 19-24 ธ.ค. 2567 กลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน โดยบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน (ปชน.) 29.85% เพราะมีความมุ่งมั่นในการสานต่ออุดมการณ์ของพรรคและมีบทบาทที่เข้ากับคนรุ่นใหม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย 28.80% เพราะมีประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีพลังและมุมมองทันสมัยในด้านการเมือง ส่วนอีก 14.40% ระบุ ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 10.25% ระบุ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพราะเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและมีภาพลักษณ์ของผู้นำที่เข้าถึงง่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล 6.45% เพราะมีความสามารถในการบริหารงาน
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ อันดับหนึ่งคือพรรคประชาชน 37.30% พรรคเพื่อไทย 27.70% พรรค รทสช. 10.60% และ 8.20% ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ พรรคภูมิใจไทย 5.15% พรรคประชาธิปัตย์ 3.40% พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 3.05% พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) 2.50% พรรคประชาชาติ 1% และอีก 1.10% ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคกล้าธรรม

“หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่สะท้อนเสียงคะแนนนิยมออกมาผ่านผลโพล ผลโพลมีขึ้นมีลงเสมอ ขึ้นเมื่อใดต้องไม่หลง ลงเมื่อใดต้องไม่ท้อ เรายังมุ่งมั่นตั้งใจทำงานและผลักดันการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การแก้ปัญหาค่าไฟแพง ที่ล่าสุดส่งผลให้เกิดการชะลอการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น
“เพื่อยืนยันว่าเราไม่ได้หลงกับผลโพลที่เพิ่มขึ้น พรรค ปชน.มุ่งมั่นทำงานต่อไปอย่างหนัก โดยมีการตั้งปณิธานประชาชน 2568 (New Year’s Resolutions) จำนวน 9 ข้อ ที่จะมุ่งมั่นผลักดันให้สำเร็จในปี 2568” ซึ่งเนื้อหาปณิธานประชาชน อาทิ ตั้งใจทำให้เดือน เม.ย.68 นี้เป็นการบังคับเกณฑ์ทหารครั้งสุดท้าย ตั้งใจจะปักธงท้องถิ่นทุ่มเทให้กับสนามเลือกตั้งนายก อบจ. อยากให้สังคมเห็นความสำคัญของกฎหมายที่สามารถเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องของทุกคนได้
พรรค ปชน.มีร่างกฎหมายที่กำลังรอคิวเข้าสภาอย่างน้อย 6 ชุด ทั้งเพื่อแก้ปัญหาเก่าที่ค้างคามานานและเพื่อวางกติกาใหม่ ยกระดับการศึกษาไทยด้วย พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ ผลักดันกฎหมาย PRTR (ให้โรงงานอุตสาหกรรมเปิดข้อมูลการปล่อยมลพิษ) จะช่วยสร้างหลักประกันความปลอดภัย เปิดข้อมูลการเก็บและเคลื่อนย้ายสารพิษ พร้อมกับผลักดัน พ.ร.บ.จัดการขยะ และ พ.ร.บ.ลดโลกร้อน ที่คำนึงถึงความเป็นธรรมไม่ทิ้งคนตัวเล็กตัวน้อย

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ “ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ” ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า จะใช้ช่วย “อดีตนายกฯ ปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับไทย เรื่องนี้ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง ประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติเฉพาะ ลักษณะต้องห้ามและวิธีการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 พ.ศ. …. หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ที่ครบกำหนดรับฟังความเห็นไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 ว่า ราชทัณฑ์กำลังประมวลความคิดเห็นของประชาชน และจะดูว่ามีประเด็นใดบ้างที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข เสนอแนะ จากนั้นจะสามารถประกาศใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ได้
“หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าต้องไปดำเนินการผ่านกระบวนการใดอีก เมื่อหลักเกณฑ์เรียบร้อย ตนเองก็จะสามารถลงนามประกาศใช้ได้ ผู้เข้าหลักเกณฑ์มีเพราะที่กำหนดไว้มีทั้งหมด 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการจำแนก (กลุ่มที่ยังอยู่ระหว่างรอกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะได้สิทธิหรือไม่) กลุ่มที่ต้องได้รับการพิจารณาพฤตินิสัย กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และกลุ่มผู้ต้องขังเจ็บป่วย หากสำรวจแล้วเสร็จจึงจะมีการพิจารณาถึงสถานที่ที่จะใช้ในการคุมขังและระบบการดูแล คงยังประกาศไม่ได้ว่าจะเป็นกลุ่มใดก่อน”

นายสหการณ์ กล่าวว่า หากสถานที่คุมขังอื่นดังกล่าวเป็นบ้านพัก ก็ต้องมีการติดกล้องวงจรปิด ส่วนการติดกำไลอีเอ็มจะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณา ไม่ต้องเสนอต่อศาลว่าจะมีการติดกำไลอีเอ็มบุคคลใด เพราะเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ แต่ในส่วนของผู้ต้องขังในคดี พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือกฎหมายป้องกันการทำซ้ำในความผิดทางเพศ (Justice Safety Observation ad hoc : JSOC) จะไม่เข้าเงื่อนไขแน่นอน รวมทั้งคดีการก่อการร้าย คดีการจำหน่ายยาเสพติดในปริมาณมากหรือผู้ค้ารายใหญ่ คำว่าคดีความมั่นคงนั้นค่อนข้างกว้าง เรายังต้องพิจารณาในส่วนผู้ต้องขังคดีทำผิด ม.112 ด้วย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ในจำนวนผู้ต้องขังทั่วประเทศ มีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก และก็เป็นผู้ต้องขังสูงอายุ บางทีเราอาจต้องให้เขาออกไปอยู่ข้างนอกที่เป็นที่คุมขังอื่น ระเบียบนี้มีมาเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในเรือนจำ คาดว่าจะใช้ระเบียบนี้กับผู้ต้องขังชุดแรกได้หลังเดือน ม.ค.68 เพราะโทษส่วนใหญ่จะเป็นโทษเล็กน้อย ตั้งแต่อัตราโทษ 4 ปีลงมา เรือนจำไหนพร้อมก่อนก็จะได้ก่อน ทำไปเลยได้ แต่เรือนจำจะต้องดูเรื่องสุขภาพของผู้ต้องขังรายนั้น ๆ และดูอัตราโทษคงเหลือก่อน
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าระเบียบดังกล่าวทำเพื่ออดีตนายกฯ ปู พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ เนื่องด้วยมีโทษสูงกว่าที่กำหนด (โทษ 5 ปีจากคดี ม.157 กรณีโครงการจำนำข้าว จีทูจี) ทั้งนี้ อย่างไรก็ต้องเป็นผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษเหลือประมาณ 4 ปี และก็ต้องมีการประเมิน ซึ่งคณะกรรมการฯ และ ผบ.เรือนจำแต่ละแห่ง ต้องดูให้ดี เพราะเขาต้องรับผิดชอบ แต่ที่สำคัญ คือ ผู้ต้องขังก็ยังต้องถูกคุมขัง ส่วนกรณีผู้ต้องขังแรกรับเข้าใหม่ ปัจจุบันนี้พบว่ามาจากคดีบัญชีม้ามากขึ้นและมีอายุน้อยลง เห็นว่า หลายประเทศมีการใช้มาตรการการคุมประพฤติเพิ่ม และต้องยกระดับให้เขาได้โอกาสด้านกฎหมายให้สู้คดีได้ เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นคดีระหว่างพิจารณา”
เป็นเรื่องน่าสนใจว่า ที่สุด ระเบียบจะออกมารูปไหน เกิดช่องโหว่ให้กลุ่มฉ้อโกงที่กระทำผิดซ้ำซากได้ประโยชน์หรือไม่ และในทางการเมือง อดีตนายกฯ ปูจะได้อะไรจากระเบียบนี้.
“ทีมข่าวการเมือง”