เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่ สน.พระโขนง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พา น.ส.อังคณา รุ่งเรืองไพศาล หรือออย อายุ 47 ปี อาชีพไกด์นำเที่ยวปีนเขาในต่างประเทศ ผู้เสียหาย เข้าพบ พ.ต.ต.โอปอ โนนทะขันธ์ สว.สอบสวน สน.พระโขนง เพื่อแจ้งความ หลังถูกทำร้ายร่างกาย และถูกขโมยทรัพย์สิน ภายหลังจากดื่มสังสรรค์
น.ส.อังคณา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนผู้หญิงหนึ่งคน ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 11 โดยดื่มเบียร์ไปประมาณ 5-6 ขวด จนกระทั่งเวลาประมาณเวลา 03.00 น. ตนและเพื่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยตนได้โบกรถแท็กซี่ ไม่ทราบสี ไม่ทราบทะเบียน เพื่อกลับที่พักภายในซอยสุขุมวิท 81 และได้นั่งเบาะหลังเยื้องคนขับแต่เมื่อขึ้นรถได้ไม่นาน ได้หมดสติไปและมารู้สึกตัวตอนช่วงเช้า เมื่อมีคนขี่ จยย.รับจ้างมาปลุกเรียกและพบว่าตนเองนั่งอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 81
ขณะนั้น ตนจำอะไรไม่ได้ รู้แค่ว่าอยากกลับห้องไปนอน จึงขอให้วินไปส่งที่ห้อง ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 700 เมตรและตื่นมาอีกครั้งตอน 4 โมงเย็นของวันเดียวกัน ก็พบว่า ใบหน้าปูดบวม ปวดศีรษะมาก และพบว่าโทรศัพท์มือถือซัมซุง ราคาประมาณ 4 หมื่นบาทและเงินสดหลักร้อยบาทหาย แต่นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้แค่เรียกแท็กซี่กลับบ้านเท่านั้น

น.ส.อังคณา ยืนยันว่า ตนไม่ได้เมา เพราะปกติดื่มเยอะกว่านี้และยังกลับบ้านได้ ซึ่งก็จะใช้บริการรถแท็กซี่ตลอด และยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่เธอตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลแปลกหน้าที่อยู่ด้วยคนสุดท้ายคือคนขับแท็กซี่ ซึ่งไม่รู้ว่าตนถูกวางยาขณะอยู่ในรถและถูกชิงทรัพย์หรือไม่ และตนโดนทำร้ายร่างกายได้อย่างไร แต่เบื้องต้นไม่ได้ถูกล่วงละเมิด
หลังเกิดเหตุตนไปตรวจร่างกายที่ รพ.เอกชน แต่ก็ไม่ได้ตรวจเพราะไม่มีเงิน จึงมาแจ้งความที่ สน.พระโขนง แต่ตำรวจไม่รับแจ้งบอกว่าให้ไปแจ้งพื้นที่ที่เรียกรถแท็กซี่ เธอถึงไปยัง สน.ลุมพินี ตำรวจก็สอบถามรายละเอียดและบอกว่าให้ไปแจ้งยังจุดที่ได้ฟื้นสติเพราะถูกทำร้ายแล้ว เธอไม่รู้ทำอย่างไร จึงไปร้องยังนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยเรื่องของคดีความเพราะเธอต้องการรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
น.ส.มล เพื่อนของผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ตนรู้ตอนเช้าก็ตกใจจึงรีบไปดูเพื่อนและพาไปแจ้งความ พร้อมกับยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บไม่มีทางเมา เพราะดื่มน้อยกว่าทุกครั้ง และร้านที่ไปก็ร้านประจำและยังเป็นคนพาไปแจ้งความ พอตำรวจไม่รับแจ้งความ เธอก็โวยวายแทนว่า หากกลับไปแจ้งที่ สน.พระโขนงแล้วยังไม่รับอีกเธอจะร้องเรียน

ด้าน นายสมพร เข็มทอง อายุ 30 ปี วิน จยย.พลเมืองดี เล่าว่า เช้าวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 7 โมงเช้า ตนเองพบผู้บาดเจ็บยืนเกาะรั้วอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งกลางซอยสุขุมวิท 81 อยู่ในสภาพใบหน้าบอบช้ำ มีเลือดออกบริเวณคาง ลักษณะกางเกงที่สวมใส่มีบอดี้สูทมาอยู่ด้านนอกซึ่งผิดปกติ และดูเหมือนถูกถลกมาเล็กน้อย ซึ่งตนเองจำผู้บาดเจ็บได้ว่าเป็นลูกค้าที่เคยโดยสารรถ จึงเข้าไปสอบถาม และให้ความช่วยเหลือ แต่ขณะนั้นผู้บาดเจ็บบอกกับตนเองว่าจำอะไรไม่ได้เลย และอยู่ในสภาพที่มึนงง ตนเองพยายามจะพาผู้บาดเจ็บไปหาหมอ แต่ทางผู้บาดเจ็บขอกลับไปพักที่ห้องก่อน เนื่องจากปวดหัวมาก จึงพาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปส่งที่ห้องพักท้ายซอยสุขุมวิท 81
ขณะที่นายเอกภพ ที่พาผู้เสียหายมายัง สน.พระโขนง บอกว่า ผู้เสียหายได้มาร้องเรียนที่เพจสายไหมต้องรอด ตนจึงประสานตำรวจพาเข้าแจ้งความที่ สน.พระโขนง พร้อมกับประสานไปยัง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สืบนครบาลให้ช่วยติดตามคดี

นายเอกภพ บอกว่า เรื่องนี้ยังไม่ปรักปรำคนขับรถแท็กซี่ แต่ขอให้ตำรวจได้สืบสวนให้ชัดเจนก่อน เพราะหากไทม์ไลน์รถแท็กซี่มาส่งจากสุขุมวิท 11 มายังสุขุมวิท 81 ปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่หากตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วใช้เวลานานก็อาจจะพบพิรุธว่าช่วงเวลาที่เกินไปนั้นเกิดอะไรขึ้น เชื่อว่าตำรวจตรวจสอบได้อยู่แล้ว และโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ตรวจสอบล่าสุดตอนนี้อยู่ที่แถวเสือป่า คาดว่าอาจจะถูกขายไปแล้ว และอีกอย่างที่ตั้งข้อสังเกตวันนั้นผู้เสียหายใส่บอดี้สูท แต่ว่าตอนเช้าที่พลเมืองดีมาเห็นพบว่าบอดี้สูทอยู่นอกกางเกงยีน มองว่าผิดสังเกต
และขอฝากไปยังคนขับรถแท็กซี่ ที่รับหญิงสาวที่บริเวณซอยสุขุมวิท 11 มาส่งยังสุขุมวิท 81 หากบริสุทธิ์ใจขอให้มาให้ข้อมูลกับตำรวจที่ สน.พระโขนง และยังฝากถึงนักดื่มทั้งหญิงและชาย หากไปดื่มสังสรรค์แล้วต้องใช้รถสาธารณะ ขอให้ถ่ายทะเบียนรถ ชื่อคนขับหรือคุยกับเพื่อนตลอดการนั่งเพื่อความปลอดภัย