เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 67 ที่ ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด นายณรงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พ่อค้าขายผลไม้ พร้อมด้วย น.ส.สุนิสา แฟนสาว อายุ 32 ปี พนักงานร้านขายของเบ็ดเตล็ด เข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์มากกว่า 10 คน ใช้มีดฟันจนแขนเกือบขาด แต่คดีไม่คืบ

น.ส.สุนิสา เล่าว่า ตนทำงานที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดแห่งหนึ่งย่านพิบูลสงคราม จ.นนทบุรี ส่วนนายต้น ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นลูกค้า ได้เข้ามาพูดจาลามก และพูดเชิงลวนลามตนอยู่หลายครั้งเป็นเวลานานนับเดือน ภายในร้านขายของที่ตนทำงาน แต่ตนมีแฟนอยู่แล้ว จึงไม่ได้เล่นด้วย จนกระทั่งวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา นายต้น ก็มาพูดจาลวนลามตนต่อหน้าแฟนหนุ่ม ทำให้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป

ถัดมาวันที่ 4 ต.ค. นายณรงค์ ก็ได้ไปส่งแฟนสาวที่ร้านตามปกติ ขากลับนายต้น พร้อมแฟนสาว ก็ได้มาดักรอบริเวณใกล้ร้านพร้อมกับตะโกนด่าทอเรียกให้ตนลงมาจากรถ พอนายณรงค์ ลงไปหา นายต้น ก็ได้ชกมาหนึ่งครั้ง แต่นายณรงค์ หลบได้ ก่อนจะชกสวนกลับไปที่ใบหน้าหนึ่งครั้ง ทำให้แฟนสาวของนายต้นได้เข้ามาด่าทอตน ซึ่งตนก็ได้อธิบายไปแล้วว่านายต้น มาพูดจาลวนลามแฟนสาว แต่แฟนสาวของนายต้นก็ไม่เชื่อตน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เลยแยกกันไป

ช่วงค่ำในวันเดียวกัน นายณรงค์ ได้ขี่รถจยย.เพื่อที่จะมารับแฟนสาว นายต้น ได้ดักรออยู่ก่อนจะใช้เท้าถีบไปที่รถจักรยานยนต์ของนายณรงค์ ทำให้เสียหลักเกือบจะล้ม นายณรงค์จึงจอดรถและเดินเข้าไปหา จังหวะนั้นได้มีผู้ชายเกือบ 10 คนเข้ามาล้อมตน และมีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งถือมีดยาวเข้ามาและฟันไปที่บริเวณแขนขวาของตน 1 ครั้ง จากนั้นได้มีชายคนหนึ่งเอาไม้เบสบอลมาตี ซึ่งตนพยายามจะตอบโต้ ด้วยการใช้กรรไกรที่วางไว้ในตะกร้ารถ แทงไปที่ข้างลำตัวขวาของนายต้น และใช้มือเปล่าจับไปที่คมมีด ทำให้นายต้น รู้สึกโมโห จึงพยายามใช้มีดฟันมาที่คอ แต่ตนยกมือซ้ายมาบังไว้ แต่ปลายมีดยังถูกกลางศีรษะ จากนั้นนายต้น กับพวกก็ได้แยกย้ายกันหลบหนี

นายณรงค์ ได้ไปขอความช่วยเหลือกับชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ให้ช่วยพาไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ถูกฟันจนเอ็นนิ้วขาด เส้นเลือดใหญ่เกือบขาด รวมทั้งยังมีแผลที่บริเวณศีรษะ และกลางหลัง รวมแล้วต้องเย็บหลาย 10 เข็ม ต้องผ่าตัดต่อเส้นเอ็น เย็บเส้นเลือดใหญ่ ปัจจุบันยังต้องทำกายภาพบำบัด ซึ่งหมอแจ้งว่ามือซ้ายอาจจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

หลังเกิดเรื่อง แฟนสาวได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี และมีโทรศัพท์สายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี บอกว่าให้พาผู้เสียหายมารับทราบข้อหา และมาไกล่เกลี่ย เพราะอีกฝั่งมาแจ้งความว่าผู้เสียหายได้ใช้กรรไกรแทง

หลังจากนั้น ผู้เสียหายก็ได้สอบถามเรื่องนี้กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นบุคคลแอบอ้างไม่ได้เป็นตำรวจจริง แต่พอตนสอบถามเรื่องนี้กับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จึงรู้ว่าสายปริศนาที่โทรฯ มาทีแรกเป็นตำรวจจริง เพราะตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้เรียกนายตำรวจคนดังกล่าวมาคุย ผู้เสียหายจึงสอบถามเรื่องที่คุยโทรศัพท์กัน ตำรวจดังกล่าวก็บอกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะโทรศัพท์มาข่มขู่ แต่ฝ่ายนั้นได้มาแจ้งความไว้จริงๆ

หลังจากวันที่เกิดเรื่อง จนถึงตอนนี้ผ่านมานานกว่า 2 เดือน คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งนายต้น ยังมีการตามมารังควานข่มขู่ผู้เสียหายอยู่หลายครั้ง และมีการโอ้อวดด้วยว่าไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะว่าทำงานให้ตำรวจ จนทำให้ผู้เสียหายต้องย้ายที่อยู่ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด

ด้านนายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า จะประสานไปยังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะผู้ก่อเหตุยังมีการตามมารังควานข่มขู่ผู้เสียหาย.