หากถามถึงอาหารยอดนิยมในใจของพี่น้องชาวไทย หลายๆคนคงเอ่ยชื่ออาหารพื้นบ้านอย่าง “ปลาร้า” ที่มักถูกนำไปปรุงเพิ่มความแซบนัวในหลากหลายเมนู แต่ด้วย “ปลาร้า” เป็นอาหารหมักดอง มาจากการนำปลาสดหมักกับเกลือและใส่ข้าวคั่ว แล้วหมักทิ้งไว้ในไห จึงจำเป็นต้องคำนึงเรื่องความสะอาดในทุกขั้นตอน ทั้งการทำ การเก็บ และการนำมาปรุงอาหาร รวมถึงควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อจะได้รับประทานอาหารที่อร่อยและปลอดภัย ห่างไกลความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆตามมา
“กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข” มีคำแนะนำเรื่องการบริโภคปลาร้า ว่า ต้องเลือกซื้อปลาร้าที่ต้มสุก สะอาด มีแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ในกรณีที่ซื้อแบบบรรจุขวดควรดูเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) แต่หากซื้อแบบไม่บรรจุขวด ควรดูว่ามีสิ่งเจือปน สีและกลิ่นผิดแปลกจากที่เคยกินหรือไม่ ขณะเดียวกันควรเลือกซื้อจากสถานที่จำหน่ายที่น่าเชื่อถือและคุ้นเคย
ที่สำคัญ ควรนำไปปรุงสุกก่อนบริโภค โดยปรุงด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 5 นาที เพื่อลดความเสี่ยงโรคพยาธิใบไม้ตับ

สำหรับผู้ประกอบการผลิตปลาร้า ควรคำนึงถึงความสะอาดปลอดภัย เลือกวัตถุดิบหรือปลาที่มีคุณภาพ ใช้เครื่องมือและเครื่องใช้ที่สะอาด และมีมาตรการป้องกันการปนเปื้อน โดยน้ำที่ใช้ในการผลิตจะต้องมีคุณภาพน้ำดื่มตามมาตรฐานของกรมอนามัย สถานที่เก็บวัตถุดิบต้องสะอาดเป็นสัดส่วน มีการป้องกันการปนเปื้อน และต้องมีระยะเวลาในการหมักที่เหมาะสม หากเป็น“ปลาส้ม” ให้หมักนานมากกว่า 3 วัน ส่วน “ปลาร้า” ให้หมักนานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ส่วนผู้ปฏิบัติงานต้องมีสุขอนามัยดี
คุณค่าโภชนาการของปลาร้า
ปลาร้าดิบปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 148 กิโลแคลอรี มีสารอาหารประเภทโปรตีน 15.30 กรัม ไขมัน 8 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.90 กรัม เหล็ก 3.40 กรัม วิตามินบี1 0.02 กรัม วิตามินบี 2 0.16 กรัม และไนอะซิน 0.80 กรัม ปลาร้าจึงถูกจัดเป็นอาหารที่มีโภชนาการสูง เป็นแหล่งโปรตีนและโพรไบโอติกส์อีกด้วย แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม
ปลาร้าต่วงที่มาจากโรงงาน และจากตลาด มีปริมาณโซเดียมของเกลือและผงชูรสใกล้เคียงกัน โดยปลาต่วงของโรงงานจะมีโซเดียม 5,057 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ส่วนที่มาจากตลาด มีโซเดียม 5,145 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
สำหรับปลาร้าส้มตำปรุงสำเร็จที่นิยมนำมาปรุงอาหาร มีโซเดียม 5,647 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ขณะที่ปลาร้าสับแจ่วบอง มีโซเดียม 5,791 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม

กินปลาร้าแค่ไหนให้ปลอดภัย
องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ว่าใน 1 วัน ไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัม หรือเฉลี่ยไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อมื้ออาหาร
ดังนั้นไม่ควรบริโภคปลาร้ามากกว่า 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน หากบริโภคเป็นประจำหรือมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไตเรื้อรัง.