เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 และได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่ง ปภ. ได้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับจังหวัดที่ประสบภัยในการเร่งดำเนินการให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยข้อมูลล่าสุด (27 ธ.ค. 2567 เวลา 16.30 น.) ธนาคารออมสินได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัย รอบที่ 3 สำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยใน จ.ปัตตานี สงขลา นราธิวาส และพัทลุง โอนเงินสำเร็จรวม 166,795 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,501,155,000 บาท (โอนเงินเมื่อวันที่ 25, 26, 27 ธ.ค. 2567) รวม 5 จังหวัด 26 อำเภอ และคาดว่าจะโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยรอบที่ 4 ของ จ.กระบี่ ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือฯ ในวันที่ 3 ม.ค. 2568
นายภาสกร กล่าวอีกว่า จากข้อมูลการโอนเงินของธนาคารออมสินที่ผ่านมา 3 รอบ พบว่ายังมีปัญหาการโอนเงินไปยังผู้ประสบภัยไม่สำเร็จ เนื่องจากประชาชนยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน และสถานะทางบัญชีไม่ปกติ กว่า 2,000 ครัวเรือน จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนตรวจสอบการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย หากยังไม่ได้ผูกบัญชีฯ ขอให้ติดต่อธนาคารใดก็ได้เพื่อดำเนินการดังกล่าว

อธิบดี ปภ. กล่าวว่า สำหรับ 16 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ปภ. ขอย้ำให้จังหวัดเร่งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ที่ยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ รวมถึงไม่ให้มีการลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือซ้ำซ้อน โดยผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือฯ ตามมติ ครม. ครั้งนี้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยใน จ.ชัยนาท บุรีรัมย์ สมุทรสาคร และสิงห์บุรี อีกทั้งจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 20 พ.ค.-2 พ.ย. 2567 ส่วนประชาชนใน 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงวันที่ 3 พ.ย. 2567 เป็นต้นไปเท่านั้น และได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 2 กรณี ซึ่งกรณีแรกคือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินเสียหาย และกรณีที่ 2 คือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมเกิน 7 วัน ในกรณีที่ถูกน้ำท่วมหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว