ในแต่ละปีวงการคณะสงฆ์ต้องสูญเสียพระมหาเถระ นักพัฒนา นักการศึกษา และเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผู้มากด้วยวิทยาคม และมีชื่อเสียงในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละท่านยังมีความเมตตาสูง ช่วยสร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ทำงานด้านสาธารณสงเคราะห์มาโดยตลอด ส่งผลให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เมื่อแต่ละรูปต้องมรณภาพไปย่อมนำมาซึ่งความเศร้าเสียใจของคณะศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ โดยตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้รวบรวม 11 พระมหาเถระ นักพัฒนา นักการศึกษา พระเกจิชื่อดัง ที่ได้มรณภาพไปในปี 2567 ดังนี้

“หลวงพ่อเพี้ยน” วัดตุ๊กตา เกจิดังสายแคล้วคลาด
พระครูวิบูลสิริธรรม หรือ “หลวงพ่อเพี้ยน” อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 อดีตเจ้าอาวาสวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พระเกจิชื่อดังแห่ง จ.นครปฐม ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลนครชัยศรี เมื่อวันที่ 2 ต.ค. เวลา 14.00 น. สิริอายุ 95 ปี 73 พรรษา
“หลวงพ่อเพี้ยน” นับเป็นพระเกจิชื่อดังรูปหนึ่งของ จ.นครปฐม ท่านเรียนวิชามาจาก “หลวงพ่อเนตร” วัดตุ๊กตา, “หลวงปู่เพิ่ม” วัดกลางบางแก้ว, “หลวงพ่อเงิน” วัดดอนยายหอม เป็นต้น วัตถุมงคลของท่านจะขึ้นชื่อในเรื่องความแคล้วคลาดปลอดภัย ท่านได้ทำมากมายหลายรุ่นหลายพิมพ์โดยเริ่มสร้าง ตั้งแต่ปี 2509 เป็นต้นมา

“หลวงปู่ก้ำ” เกจิล้านนา 5 แผ่นดิน
พระราชมงคลวิสุทธิ์ (หลวงปู่ก้ำ กลฺยาณธมฺโม) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดบุญเกิด อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2567 สิริอายุ 103 ปี 83 พรรษา
“หลวงปู่ก้ำ” ได้รับการกล่าวขานจากลูกศิษย์ว่าเป็น “พระเกจิ 5 แผ่นดิน” เพราะท่านมีอายุมากถึง 103 ปี และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา รวมถึงในพื้นที่ภาคเหนือเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยท่านเป็นพระมหาเถระที่เป็นนักพัฒนา นักการศึกษา ขณะที่ในเรื่องวัตถุมงคลของท่านก็ขึ้นชื่อในเรื่องทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยด้วย

“หลวงตาด๊อกเตอร์” พระพรหมวชิรโมลี วัดศาลาลอย
พระพรหมวชิรโมลี (ทองอยู่ ญาณวิสุทฺโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย จ.สุรินทร์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตสุรินทร์ ได้มรณภาพลง เมื่อเวลา 00.38 น. วันที่ 12 เม.ย. 2567 หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคชรา ณ โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 14 สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา โดยขณะเข้ารับการรักษาอาการอาพาธ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดรับพระพรหมวชิรโมลี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2567
พระพรหมวชิรโมลี เป็นพระนักการศึกษา สามารถสอบได้บาลีเปรียญธรรม (ป.ธ.) 9 และในขณะที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะ จ.สุรินทร์ และรองอธิการบดี มจร วิทยาเขตสุรินทร์ แม้จะอายุมากถึง 78 ปี ก็ยังหมั่นเพียรศึกษาอยู่ตลอด นั่งรถไฟจากสุรินทร์ ไปเรียนที่ มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จนจบปริญญาเอก เมื่อปี 2552 จนลูกศิษย์เรียกท่านว่า “หลวงตาด๊อกเตอร์” นอกจากนี้ท่านยังถือเป็นพระสุปฏิปันโนแห่งคณะสงฆ์ไทยและวงการพระธรรมทูตไทยสายต่างประเทศอีกด้วย

“หลวงปู่ห้วย” วัดหลวงสุมังคลาราม
เวลา 01.00 น. วันที่ 15 ส.ค. 2567 พระราชญาณโสภณ (จรัส เขมจารี) หรือ “หลวงปู่ห้วย เขมจารี” อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธรรมยุต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้มรณภาพด้วยโรคชรา สิริอายุ 97 ปี 76 พรรษา ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ จ.ศรีสะเกษ
“หลวงปู่ห้วย” นับเป็นอีกหนึ่งพระมหาเถระที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์อยู่ตลอดทุกวัน ท่านชอบสอนธรรมและทำประโยชน์ให้กับสังคม ทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์ลูกหาได้ปฏิบัติตาม ทำให้มีลูกศิษย์เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก

“หลวงปู่ทวี” ต้นตำรับน้ำมนต์จันทร์ซ้อนจันทร์
เวลา 08.47 น. วันที่ 9 ต.ค. 2567 พระครูวิสุทธินนทคุณ หรือ “หลวงปู่ทวี สุทธวังโส” อายุ 86 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี ได้มรณภาพลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
“หลวงปู่ทวี” เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของนนทบุรี และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะวัตถุมงคลพระราหู ที่โด่งดังไปถึงต่างแดน ทั้งจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และน้ำมนต์จันทร์ซ้อนจันทร์ ซึ่งจะมีพิธีปลุกเสกเจริญพระพุทธมนต์ ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง และตรงกับวันจันทร์เท่านั้น โดยในแต่ละปีจะมีไม่กี่วัน หรือบางปีไม่มีเลย เพื่อแจกจ่ายให้กับญาติโยมแถววัดไทรใหญ่ และที่อยู่ใกล้เคียง ได้นำน้ำมนต์ไปเพื่อความเป็นสิริมงคล

“หลวงปู่ตุด” เกจิดังแห่งภาคใต้
พระราชภาวนาวชิรมงคล วิ. (บุญเกียรติ กุลโสภโณ) หรือ “หลวงปู่ตุด” อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 16 ธรรมยุต อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมถาวร ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร “หลวงปู่ตุด” เป็นเกจิชื่อดังของภาคใต้ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป จะนิมนต์เป็นประธานในพิธีสำคัญๆ อาทิ เปิดสำนักงาน อาคาร ที่อยู่อาศัย เจิมรถ เพื่อความเป็นสิริมงคล มีชื่อเสียงด้านพุทธคุณเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ที่ผ่านมา “หลวงปู่ตุด” ได้สร้างโรงพยาบาล และสาธารณประโยชน์ให้กับชุมพรมากมาย และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ จนเป็นที่รู้จักและศรัทธาไปทั่วภาคใต้ ส่วนวัตถุมงคลที่จัดสร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสกโดย “หลวงปู่ตุด” โด่งดังหลายรุ่น อาทิ เหรียญล็อกเกต รูปไข่ รุ่นแรก เหรียญโลหะทองแดงรูปไข่พิมพ์นิยม รุ่น 2 รุ่นหายห่วง เหรียญโลหะทองแดงรูปพิมพ์นิยม รุ่น 3 รุ่นเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น
“หลวงปู่ตุด” ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 เวลา 21.44 น. ณ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี สิริอายุได้ 92 ปี 72 พรรษา นับเป็นการสูญเสียพระเกจิรูปสำคัญอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย

“พระโสภณพัฒโนดม” ผู้ริเริ่มพิธีบวชป่า
พระโสภณพัฒโนดม (ศรีเหลา อคฺคปญฺโญ) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธาราม อ.แม่ใจ จ.พะเยา ได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. เวลา 18.14 น. ที่วัดโพธาราม สิริอายุ 77 ปี 57 พรรษา
โดย พระโสภณพัฒโนดม ท่านเป็นพระนักอนุรักษ์ พระนักพัฒนารูปสำคัญรูปหนึ่งของไทย ท่านเป็นผู้ริเริ่มการทำพิธีกรรมสืบชะตาแม่น้ำ ซึ่งประยุกต์ขึ้นมาจากการสืบชะตาหมู่บ้านและสืบชะตาคน เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีความรักและหวงแหน รวมทั้งเห็นความสำคัญของแม่น้ำที่เป็นแหล่งอุปโภคบริโภคของประชาชนในท้องถิ่น และพิธีบวชป่า เพื่อต้องการยับยั้งการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และเพื่อเป็นกุศโลบายห้ามมิให้คนตัดไม้ทำลายป่า ต้นไม้ต้นใดที่ผ่านการบวชแล้ว ชาวบ้านจะไม่ตัดเด็ดขาด หากมีผู้ใดมาตัดไม้ทำลายป่าที่ผ่านการบวชแล้ว ผู้นั้นจะมีอันเป็นไป

“พระเทพมงคลเมธี” มหาเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตา
พระเทพมงคลเมธี (ประจักษ์ โชติโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดชัยสามหมอ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พระมหาเถระที่มีความเมตตาสูง มีลูกศิษย์นับถือจำนวนมาก ท่านจะบริจาคปัจจัยเพื่อสาธารณประโยชน์มาตลอด โดยความเมตตาของท่านที่อาจเรียกได้ว่ามีการพูดถึงมากที่สุด คือ เมื่อเดือน ส.ค.2563 ท่านได้บริจาคปัจจัยถึง 10,000,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลแก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อจัดสร้างห้องไอซียู ห้องผ่าตัด และห้องตรวจโรคหัวใจ
พระเทพมงคลเมธี ได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา สิริอายุ 90 ปี 70 พรรษา ณ โรงพยาบาลแก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมาสูญเสียพระเถระผู้ใหญ่ที่มากด้วยความเมตตาไปอีกรูปหนึ่ง

“หลวงปู่กวง” ร่มโพธิ์ธรรมกรรมฐานล้านนา
“ร่มโพธิ์ธรรมกรรมฐานล้านนา” คือชื่อที่บรรดาศิษยานุศิษย์กล่าวยกย่อง พระราชวชิรกิจโกศล วิ. (หลวงปู่กวง โกสโล) วัดป่านาบุญ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพราะหลังจากที่ท่านได้อุปสมบทและอยู่กับหลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ และหลวงพ่อสม โกกนุทโท แล้ว ได้ติดตามเดินธุดงค์และฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญมากโร เข้าป่าฝึกภาวนาเป็นคนแรก “หลวงปู่กวง” เป็นผู้มีอุปนิสัยสันโดษ มักน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด อยู่แบบเรียบง่าย นอกจากนั้น ท่านยังได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์อุปัฏฐากรับใช้พ่อแม่ครูอาจารย์ ได้แก่ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม, หลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น ซึ่งจากการที่ท่านได้เรียนรู้พระธรรมวินัยข้อวัตรปฏิปทาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ใหญ่อย่างเข้มงวด ทำให้ “หลวงปู่กวง” ยังคงรักษาพระธรรมวินัยข้อวัตรปฏิปทาอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด
“หลวงปู่กวง” ละสังขารเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2567 เวลา 20.32 น. ด้วยโรคชรา ณ วัดป่านาบุญ สิริอายุ 86 ปี 59 พรรษา

“หลวงปู่เฉลิม” เทพเจ้าเขาฉกรรจ์
พระครูวินิตปัญญาคุณ หรือ “หลวงปู่เฉลิม ผลปญฺโญ” อดีตเจ้าอาวาสวัดพวงนิมิต ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว หรือที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์กล่าวขานกันว่าท่านเป็น “เทพเจ้าเขาฉกรรจ์” ได้มรณภาพอย่างสงบ ณ โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ เวลา 23.54 น. เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 สิริอายุ 80 ปี 55 พรรษา
“หลวงปู่เฉลิม” จัดว่าเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา มีเครื่องรางของขลังที่จัดสร้างมากมาย อาทิ เขี้ยวหมูป่าแกะเสือนั่งแท่น รุ่น พยัคฆ์นั่งแท่น ตลอดจนพระเครื่อง เหรียญรุ่นต่าง ๆ จำนวนมาก และที่หายากมากก็คือ เชียนคำหมากที่หลวงปู่เคี้ยว

“หลวงปู่ยิ้ม” พระเกจินักพัฒนา
พระมงคลวรสิทธิ์ หรือ “หลวงปู่ยิ้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดปลาเค้า ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้ละสังขารที่โรงพยาบาลธนบุรี เมื่อเวลา 09.57 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2567 สิริอายุ 101 ปี 76 พรรษา
“หลวงปู่ยิ้ม” เป็นที่นับถือของชาวบางแขม และชาวนครปฐม ท่านเป็นทั้งนักปฏิบัติธรรม และนักพัฒนา และยังเป็นเกจิอาจารย์ เป็นศิษย์เอกร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม สมัยที่หลวงพ่อเงินท่านยังมีชีวิตอยู่ อดีตเคยออกงานปลุกเสก แต่ระยะช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ท่านได้กลับมาพัฒนาวัดสอนปฏิบัติธรรม แต่ศิษยานุศิษย์ก็ยังไปมาหาสู่ท่านตลอด ซึ่งท่านจะยิ้มอยู่ตลอด สมกับนามของท่านคือ “หลวงปู่ยิ้ม”