เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 67 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เป็นประธานปล่อยแถวกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ผ่านทางระบบ Live Streaming ของแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก โดยมี พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. ผบก.1-5 และผบก.ตอท. ตลอดจนข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วม

ปล่อยแถวในที่ตั้งของแต่ละ บก. และพื้นที่ต่างๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม, สถานีกลางบางซื่อ, สถานีขนส่งขอนแก่น (บขส.๓), สนามบินเชียงใหม่ และสถานีรถไฟหาดใหญ่ โดยเริ่มต้นด้วยการใช้ AI กล่าวรายงานแก่ประธาน จากนั้น ผบช.สอท. จะกล่าวให้โอวาทและเปิดพิธีปล่อยแถว ผ่านทางระบบ Live Streaming ของแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก โดยมีข้าราชการตำรวจไซเบอร์ในสังกัด บก.ต่างๆ ร่วมรับฟังพร้อมกันทั่วประเทศ ก่อนจะแยกย้ายไปปฏิบัติการตามมาตรการที่กล่าวมาข้างต้นตลอดช่วงเทศกาล

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 โดยมีวันหยุดยาวตั้งแต่ 28 ธ.ค.67 – 2 ม.ค.68ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา อีกทั้งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยอีกจำนวนมาก ซึ่งสถานที่ต่างๆ จะเต็มไปด้วยฝูงชน โดยเฉพาะในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 67 จะมีประชาชนร่วมกิจกรรม Countdown อย่างหนาแน่นในหลายพื้นที่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นช่วงเวลาที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน โดยเฉพาะในรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่แฝงมากับแพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดังต่างๆ อาทิ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตราแกรม เอ็กส์ (ทวิตเตอร์) หรือ เว็บไซต์หลอกลวงต่างๆ เป็นต้น ทางบช.สอท.จึงระดมกวาดล้างอาชญากรรมพร้อมประชาสัมพันธ์กลโกงเข้มข้น และชวนดาวน์โหลดไซเบอร์เซ็ค

ทั้งนี้ บช.สอท.มีมาตรการการปราบปราม อาทิ 1. จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาทิ ซิมผี บัญชีม้า การพนันออนไลน์ การหลอกลวงออนไลน์รูปแบบต่างๆ การจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การเผยแพร่ข่าวปลอม การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ,2. จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป อาทิ ยาเสพติด อาวุธปืนผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น,3. การจับกุมความผิดเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบ และผู้มีอิทธิพลต่างๆ 4. การขยายผลยึดและอายัดทรัพย์สิน กรณีมีการจับกุมผู้ต้องหาการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน

ส่วนมาตรการการป้องกัน อาทิ 1. การประชาสัมพันธ์ประชาชนอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันกลโกงการหลอกลวงออนไลน์รูปแบบต่างๆ 2. การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตั้งแอปพลิเคชัน Cyber Check และทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine 3. การจัดสายตรวจไซเบอร์เฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังได้เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านการสืบสวนและนวัตกรรมคริปโทเคอร์เรนชี (Cryptocurrency Investigation and Innovation Excellence Center) เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเติบโตของคริปโทเคอร์เรนชี้ในประเทศไทย ศูนย์นี้มีบทบาทและหน้าที่สำคัญในการสืบสวน ป้องกัน และพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี ดังนี้

1.สืบสวนและป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนจี:ดำเนินการสืบสวน ตรวจสอบ และป้องกันการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี เช่น การฟอกเงิน การฉ้อโกง และการหลอกลวงทางดิจิทัล

2.พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลย์ในการตรวจสอบธุรกรรมดิจิทัล. วิจัยและพัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีและเทคนิคการสืบสวนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและติดตามธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนชี

3.ให้ความรู้และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และประชาชน จัดการฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนชี การป้องกันอาชญากรรมทางดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างปลอดภัย

4.ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการสืบสวนและป้องกันอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซี

5.กำกับดูแลและเสนอแนะแนวทางการกำกับดูแลคริปโทเคอร์เรนจี:ติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มของคริปโทเคอร์เรนชี เพื่อเสนอแนะแนวทางในการกำกับดูแลและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน