เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายสื่อสารองค์กรสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา นักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 ลงพื้นที่ปฏิบัติการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรนาตาล ทำการจับกุม นายมณฑล ปัตะวงษ์ บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ จ.3/2563 ลงวันที่ 27 ม.ค. 2563 หมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี (อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3) ที่ จ.48/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ. 2567 และหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี (อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3) ที่ จ.49/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ. 2567
โดยในขณะเกิดเหตุ นายมณฑล ปัตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนโยธาประจำองค์การบริหารส่วนตำบลฝางคำ ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการกำหนดราคากลาง เพื่อกำหนดราคากลางสำหรับการจัดซื้อผ้าห่ม กันหนาว แจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลฝางคำได้รับความเสียหาย
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. นักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาตาล ได้ร่วมกันสืบสวนหาข้อมูลของ นายมณฑล ปัตะวงษ์ ซึ่งหลบหนีการจับกุมมาเป็นเวลานาน พบว่า นายมณฑล ได้หลบหนีมาบวชเป็นพระสงฆ์ และกบดานอยู่ที่ สำนักสงฆ์วัดถ้ำตาลาว ตำบลกองโพน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงาน แสดงหมายจับและอ่านหมายจับให้ฟัง นายมณฑล รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับที่เจ้าพนักงานแสดงให้ดูจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรนาตาล อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อทำบันทึกจับกุม เก็บลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติผู้ถูกกล่าวหา/ผู้ถูกจับ รวมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองและดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2565 จากนั้นได้ควบคุมตัวนายมณฑล ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 (สุรินทร์) ต่อไป.