เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี, พ.ต.ท.นิธิ ปิยพันธ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.นุรุต ฐิติชรัล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2 บก.อก.สทส., ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุมตัวนายจิรวัฒน์ จำปาสัก หรือ “สมโคลท์” อายุ 48 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ข้อหา “จำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยไม่มีเหตุสมควร” พร้อมของกลาง จำนวน 3 รายการ 1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก (บรรจุกล่องพัสดุพร้อมส่ง) 2.อุปกรณ์ส่วนควบปืนหลายรายการ และ 3.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง (พบข้อมูลการซื้อขายปืนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กระบอก) ได้ที่ตลาดหนองหญ้าไซ ต.หนองหญ้าไซ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี

สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. สั่งให้ติดตามตัว “สมโคลท์ พันกระบอก” นักค้าปืนเถื่อนทะลักไปทั่วประเทศ เป็นต้นเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ แต่ตัวคนร้ายไม่มีหมายจับ เทียวไปมาไร้ร่องรอย ผบช.น. จึงได้มอบหมายให้ทีมสืบนครบาล ส่งชุดพระกาฬ โดยมี พ.ต.อ.จักราวุธ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือ นำกำลังลงพื้นที่จนทราบว่าคนร้ายวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี ตระเวนค้าปืนเถื่อนหลายปีนับสิบกระบอกต่อวัน โดยพยานผู้พบเห็นได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าคนร้ายมีท่าทีระมัดระวังตัวและ พกปืนเหน็บเอวตลอดเวลา ชุดสืบนครบาล 20 นาย ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามจับกุม

โดยลาดตระเวนหาตัวคนร้ายทั่วพื้นที่ กว่า 3 วัน กระทั่งวันที่ 26 ธ.ค. 67 เวลา 10.00 น. ชุดสืบสวนได้พบกับคนร้าย ครั้งแรกที่ จ.อุทัยธานี แต่เนื่องด้วยคนร้ายไม่มีหมายจับ จึงต้องเฝ้ารอให้กระทำผิด ปฏิบัติการหมาล่าเนื้อ โดยชุดสืบนครบาลติดตามสะกดรอยคนร้ายข้ามจังหวัดมาจนถึง อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี จู่ๆ คนร้ายได้หายไปดื้อ ๆ แต่ต่อมาชุดสืบสวนก็พบว่า คนร้ายแอบจอดรถในมุมอับก่อนถือกล่องพัสดุย่องไปที่ร้านพัสดุใกล้ตลาด ต้องสงสัยว่าคนร้ายจะส่งสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ กระทั่งหลังคนร้ายส่งพัสดุให้ร้านและกำลังหลบหนี ชุดสืบสวนตัดสินใจพุ่งเข้าปะทะกับคนร้าย โดยสารวัตรแจ๊ะ ใช้ทักษะนักรักบี้ ตะครุบตัวคนร้ายลงพื้นอย่างเต็มแรง จนปัสสาวะราดกางเกง ก่อนตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอก

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ปี 2553 ตนถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 10,000 เม็ด ติดคุกอยู่ 10 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาปี 2563 หางานทำไม่ได้ รู้สึกว่าโลกพัฒนาไปเยอะจนตามไม่ทัน แต่ตนมีความชอบเรื่องปืนเป็นส่วนตัวตั้งแต่วัยรุ่นอยู่แล้ว จึงหากลุ่มเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องปืน เมื่อพูดคุยกับเพื่อนแล้ว มีความรู้สึกว่าอาวุธปืนเป็นสิ่งที่คนต้องการ แล้วก็รู้สึกว่าอาวุธหาง่ายกว่าก่อนตนจะติดคุก จึงเห็นช่องทางหารายได้โดยการขายปืน เริ่มแรกเริ่มรับมาขายให้คนรู้จักได้กำไรกระบอกละ 1,000-5,000 บาท จากนั้นตนก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการปืน ในฉายา “สมโค๊ว ซุปเปอร์ (380)” และตนภูมิใจกับชื่อนี้มาก โดยมีกลุ่มวัยรุ่นติดต่อขอซื้อปืนจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท ตนขายมาแล้วมากกว่า 1,000 กระบอก ทำให้มีรายได้หลายแสนบาท ที่เล็ดรอดหลบหลีกการสืบของเจ้าหน้าที่เพราะตนเป็นคนขี้ระแวง ตั้งแต่พ้นโทษมาก็มีประสบการณ์มากขึ้น จึงไม่มีใครจับตนได้ โดยช่วงนี้ที่ถูกจับกุมตนเองทราบว่าเป็นห้วงระดมเรื่องอาวุธปืน จึงไม่ได้เดินแรง ตนเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมาถูกจับกุมในกระบอกสุดท้ายที่ค้างสต๊อกนี้ ส่วนน้ำที่เป้ากางเกงคือปัสสาวะ เนื่องจากตกใจจากการชาร์จรวบตัวของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นจึงนำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการสืบสวนในห้วงเวลาเพียง 1 ปีที่ผ่านมา คนร้ายรายนี้ส่งขายปืนเถื่อนไปทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 1,000 กระบอก จนเป็นที่รู้จักอย่างดีในวงการนักค้าปืนเถื่อน ถือได้ว่าเป็นต้นตออาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้น และที่น่ากลัวเห็นจะเป็นประสบการณ์และทักษะของคนร้ายรายนี้ ที่สามารถตัดช่องทางการสืบสวนได้อย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถลอยนวลไร้หมายจับมาจนถึงปัจจุบัน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบคนร้ายรายนี้ จนเราต้องระดมกำลังหลายนายในการไล่ล่าติดตามคนร้ายรายนี้ จนสามารถจับกุมได้ในที่สุด และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท