เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายอมร กุศล ทนายความของนายพัฒนพล กุญชร หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือใบเตย นักร้องชื่อดัง เปิดเผยก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอรับตัวลูกความ “ดีเจแมน” ว่า ตนมารอรับลูกความออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟ้องร้องกลับ หรือรายละเอียดทางคดี ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกความ แต่ที่แน่ ๆ คือ ตนมีความมั่นใจในคดีนี้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกความของตนไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำพิพากษาของศาล ตนก็จะไม่ก้าวล่วง เพราะถือว่าเป็นสิทธิของอัยการ แต่ตนยืนยันว่าจะต่อสู้คดีนี้จนถึงที่สุดและคาดว่าคดีนี้น่าจะยืดเยื้อยาวไปจนถึงศาลฎีกา

นายอมร กล่าวอีกว่า สำหรับวันนี้ตนรู้สึกมีความสุข และดีใจแทนดีเจแมนและครอบครัวเป็นอย่างมากที่จะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับครอบครัวของลูกความตนเอง เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของดีเจแมนต้องโกหกลูกสาวมาตลอดว่าพ่อไปทำงานต่างประเทศ
นายอมร กล่าวถึงเรื่องการยึดและอายัดทรัพย์สินของดีเจแมนและใบเตยของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า การยึดทรัพย์สินของดีเจแมนและใบเตยในชั้นการสอบสวน ตนจำได้ว่าเป็นการยึดอายัดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารเพียงไม่กี่แสนบาท ซึ่งมันก็เป็นการยึดตามระเบียบข้อกฎหมาย แต่เมื่อมีการพิสูจน์เส้นทางการเงินแล้วพบว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางขั้นตอนก็จะต้องมีการเพิกถอนการยึดและอายัดเงินดังกล่าวโดยอัตโนมัติ แต่อย่างไรตามหลักการแล้วก็จะต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน หากมีการยืดเยื้อไปถึงศาลฎีกาก็คงจะเป็นช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ ในส่วนของการยื่นเรื่องขอรับเงินค่าทดแทนจากการถูกคุมขังตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) นั้น จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน หากคู่ความไม่มีการยื่นอุทธรณ์ใด ๆ เราก็รอจนจบกระบวนการ จึงจะมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ อีกทั้งจะต้องพิจารณาประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลด้วย ทั้งนี้ เมื่อครั้งต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาล ทีมทนายความได้มีการนำสืบพยานของดีเจแมนและใบเตย จำนวน 5 ปาก โดยใช้พยานชุดเดียวกันทั้งหมด

นายอมร กล่าวถึงเหตุการณ์ขณะอยู่ในห้องพิจารณาคดี เมื่อช่วงกลางวัน ว่า ดีเจแมนมีอาการตื่นเต้นตลอด แม้จะเป็นคำวินิจฉัยที่ยาว แต่ท่านผู้พิพากษาก็ให้นั่งรอฟังคำวินิจฉัยแต่ละคน ส่วนแนวทางการวางแผนต่อสู้ พูดง่าย ๆ ตามประสาชาวบ้าน คือ ตอนนี้เราชนะคดีแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายยก คือ ฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งเป็นสิทธิ ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ อยู่ที่ดุลพินิจและความเหมาะสมของทางนั้น แต่ส่วนตัวมองว่าคดีนี้จะต้องมีการอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งตนตอบแทนไม่ได้ว่าจะยื่นหรือไม่ เมื่อไร แต่ตามกฎหมายสามารถขยายได้ ครั้งแรกไม่เกิน 30 วัน
เมื่อถามว่าหากมีการอุทธรณ์ ทีมทนายจะพร้อมสู้หรือไม่ นายอมร ระบุว่า อย่างที่เคยบอกว่า ก้าวแรกตั้งแต่เหยียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตนพร้อมตลอด วันนี้เลยเหนื่อยมาก ที่เราเตรียมตัวมานาน เมื่อถามว่าเป็นเช่นนี้แล้วแสดงว่าดีใจ แต่ยังไม่สุดหรือไม่ นายอมร กล่าวว่า ขั้นตอนนี้ดีใจ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการตัดสินครั้งแรกเพราะได้ผล แต่ถ้าครั้งแรกกลับไปตามที่เราไม่ได้คาดหวัง ก็มีเหนื่อย แต่ถามว่าพร้อมหรือไม่ ตนพร้อมทุกชั้นศาล ส่วนหลังจากนี้จะฟ้องฝ่ายโจกท์กลับหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เพราะวันนี้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับครอบครัวดีเจแมน หลังจากนี้จะต้องไปหารือกับดีเจแมนอีกครั้ง แต่ขอให้ดีเจแมนได้พักทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ เพราะดีเจแมนเองเป็นคนที่เคยอยู่วงการ แล้วมาอยู่ในสถานะผู้ต้องขัง เป็นผู้ต้องขังไม่สบายหรอก ดังนั้น คืนนี้ดีเจแมนต้องนอนเต็มหลัง หรือ นอนเต็มอิ่ม ไม่มีความหวาดระแวง คดีจบแล้วในส่วนของชั้นต้น ส่วนชั้นอุทธรณ์ต้องมาว่ากันใหม่ ต้องดูว่าทางอัยการจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์หรือไม่
เมื่อถามว่าตลอดระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว 1 ปี 7 เดือน อะไรที่ยากที่สุดในการทำคดี นายอมร กล่าวว่า เราในฐานะทนายจำเลย ทางโจทก์กล่าวหาเรา ทางเราก็พยายามหาหลักฐานที่เรามีอยู่ไปค้านฝ่ายโจทก์ว่าเราเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะบางสิ่งบางอย่างตอนแรกข่าวเสนอไปกับความเป็นจริงในทางนำสืบคนละเรื่องกันเลย ข่าวออกแรงมาก แต่พอในทางนำสืบคนละเรื่องเลย

เมื่อถามว่าแสดงว่าข่าวในโซเชียลไม่ได้มีผลต่อคำวินิจฉัย นายอมร ระบุว่า ตนตอบไม่ได้ แต่โดยหลักการ ประเด็นแรกไม่สามารถก้าวล่วงในคำวินิจฉัยของศาลว่าคิดอย่างไร แต่โดยหลักของกฎหมายแล้วจะต้องพิจารณาตามหลักฐานในสำนวน พยานหลักฐานพิสูจน์ในชั้นพิจารณาหมดเลยว่า หลักฐานนี้เชื่อได้หรือไม่ ที่มาอย่างไร ฟังได้ว่าเป็นความผิดหรือไม่ พอไปฟังในโซเชียลมาในทางสืบพยาน ก็สงสารดีเจแมน เพราะก็รับสภาพมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทนายอมรและสื่อมวลชนหลากหลายสำนักยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหว รอการปล่อยตัวดีเจแมนออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร.