นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) กล่าวว่าตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 ฉบับที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2544 และฉบับที่ 3 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2563 มีวัตถุประสงค์ให้ กฟก. มีภารกิจหลัก 2 ด้านคือ 1. การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 2. การจัดการหนี้ของเกษตรกร  ซึ่งภารกิจดังกล่าวต้องดำเนินการควบคู่กันไป  ทั้งนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้ให้นโยบายว่าการสนับสนุนอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ยั่งยืนและมั่นคงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพราะเมื่อเกษตรกรมีรายได้ที่มากพอ ก็จะมีเงินไปใช้หนี้ได้ จะทำให้ไม่เป็นหนี้เสีย และลดภาระงบประมาณในการจัดการด้านหนี้

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในปี 2568 มีจำนวน 1,840 โครงการ งบประมาณดำเนินการ 233,232,000 บาท จากยอดงบประมาณทั้งหมด  1,779 ,968,000 บาท โดยเน้นสนับสนุนทั้งด้านการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช ประมง และการเกษตรด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่เป็นสมาชิก มีเงินทุนหมุนเวียนในอาชีพของตัวเอง เพื่อนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ในอนาคต

“ ตลอดระยะเวลาในการก่อตั้งกองทุนฟื้นฟูฯ หรือตั้งแต่ปี 2549-2567 มีการอนุมัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้แก่องค์กรเกษตรกรไปแล้วทั้งสิ้น 12,375 โครงการ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 593,989 ราย ใช้งบประมาณไป 1,528,860,385 บาท แยกเป็น 1.โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2549-2566 เป็นโครงการงบอุดหนุน ซึ่งเป็นเงินเพื่อสนับสนุนพัฒนาองค์กรเกษตรกรให้เข้มแข็ง จำนวน 9,561 โครงการ มีผู้เข้าร่วม 509.989 ราย งบประมาณ 407,924,964 บาท และเป็นโครงการงบกู้ยืม เป็นเงินที่ให้องค์กรเกษตรกรกู้ยืมเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร จำนวน2,751 โครงการ ผู้เข้าร่วม 82,780 ราย งบประมาณ 1,090,934,421 บาท และ 2.โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2567 เป็นโครงการงบกู้ยืม 63 โครงการ ผู้เข้าร่วม 933 ราย ใช้งบประมาณ 30,000,000 บาท”