ไม่ว่าจะเทศกาลไหนหรืองานปาร์ตี้ มักต้องมีเครื่องดื่มคู่ใจและคงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะหลายคนมักคิดว่านี่คือตัวช่วยที่จะสร้างบรรยากาศแห่งการได้ร่ำเมรัย ร่วมวงกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ แต่รู้หรือไม่ เครื่องดื่มเหล่านี้มีอันตรายที่แฝงตัวอยู่ ไม่เพียงแค่จะทำให้เมาไม่มีสติแล้วนั้น ยังสะสมก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพโรคร้ายต่าง ๆ และอาจจะเกิดภาวะที่เรียกว่า “แอลกอฮอล์เป็นพิษ” ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตอีกด้วย

โดยวันนี้ทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ขอรวบรวมข้อมูลเพื่อเตือนสายปาร์ตี้กับเหตุผลทำไมถึงห้ามดื่ม “แอลกอฮอล์รวดเร็ว” พร้อมแนะวิธีป้องกันและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

แอลกอฮอล์เป็นพิษ คืออะไร
ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (alcohol poisoning) คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในปริมาณมากและดื่มแบบรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ตับไม่สามารถขับสารนี้ออกจากเลือดได้ทัน ระบบการทำงานของร่างกายรวนจนเกิดภาวะช็อกที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้

สาเหตุของภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ
การดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากในระยะเวลาที่สั้น ทำให้ตับซึ่งทำหน้าที่ขับแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือด ไม่สามารถขับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายออกได้ทัน จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาในการแสดงอาการที่ชัดเจนได้

แต่หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 12 ดื่มมาตรฐานในระยะเวลาอันสั้น หรือมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จะมีโอกาสเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษสูงมาก นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการดูดซึมสารของร่างกายแต่ละบุคคล และชนิดของเครื่องดื่มนั้น ๆ ว่ามีดีกรีหรือปริมาณแอลกอฮอล์เข้มข้นมากแค่ไหน เช่น
เบียร์ มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ประมาณ 5% จะมี 1 ดื่มมาตรฐานเท่ากับ 1 กระป๋อง หรือ 1 ขวดเล็ก 330 มิลลิลิตร
ไวน์ มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ประมาณ 12% จะมี 1 ดื่มมาตรฐานเท่ากับ 1 แก้ว หรือ 100 มิลลิลิตร
สุรากลั่น มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ประมาณ 40% จะมี 1 ดื่มมาตรฐานเท่ากับ 3 ฝา หรือ 30 มิลลิลิตร

อาการของภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ
– สับสน
– พูดไม่ชัด พูดไม่รู้เรื่อง
– น้ำตาลในเลือดต่ำ
– ไม่สามารถทรงตัวได้
– ง่วงซึม นอนหลับเยอะกว่าปกติ
– อาเจียน
– หายใจผิดปกติ
– เกิดอาการชัก
– การเคลื่อนไหวของดวงตาเร็วกว่าปกติ
– ตัวเย็นจัด
– ผิวหนังซีด กลายเป็นสีม่วง
– หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
– เกิดภาวะกึ่งโคม่า ร่างกายไม่สามารถตอบสนองได้
– หัวใจวายเฉียบพลัน
– หยุดหายใจ

ผลกระทบต่อร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์
1.หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ ไม่แข็งแรง เกิดหัวใจวายได้ง่าย
2.ตับ เกิดโรคตับแข็ง ตับที่ถูกทำลายจากแอลกอฮอล์จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดี เช่น การย่อยสลายสารอาหารหรือการเปลี่ยนแปลงของยาที่รับประทานเข้าไป บางรายอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง หรืออาเจียนเป็นเลือด
3.ผิวหน้า หลอดเลือดขยายตัว ผิวหน้าจะเป็นสีแดงเรื่อ ๆ ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกจากทางผิวหน้า บางครั้งอาจเกิดอาการหนาวสั่นหรือเกิดโรคปอดบวมได้ง่ายในฤดูหนาว
4.สมอง แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดการทำงานของสมองจะทำให้ความจำเสื่อม การตัดสินใจไม่ดี สมาธิเสีย โกรธง่าย พูดช้าลง สายตาพร่ามัว และเสียการทรงตัว
5.กระเพาะอาหารอักเสบฉับพลันบางครั้งทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร
6.ระบบสืบพันธุ์
– เพศชายเกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
– ผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีผลต่อทารกทั้งทางร่างกายและจิตใจ
7.เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งตับ มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม
การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ในระยะเวลาที่สั้นและเร็ว ทำให้ตับขับแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือดไม่ทันจนเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ

ดื่มอย่างไรถึงจะปลอดภัย
1.กินอาหารรองท้องก่อนดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมได้เร็วเมื่อท้องว่าง
2.ไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน
3.หลีกเลี่ยงการดื่มแบบแก้วต่อแก้วหรือดื่มครั้งละมาก ๆ
4.เมื่อเริ่มมีอาการมึนหัวให้ลดปริมาณการดื่มหรือหยุดดื่มทันที
5.อย่าดื่มจนเมาเกินไป

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1.รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพ 1669 หรือโทรแจ้งตำรวจ 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
2.ปลุกผู้ป่วยให้ตื่นและพยุงให้อยู่ในท่านั่ง
3.หากยังดื่มน้ำได้ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเปล่า
4.หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงหรืออยู่ในท่าพักฟื้น คอยดูว่าผู้ป่วยยังหายใจอยู่หรือไม่
5.หากพบว่าหยุดหายใจให้ทำการช่วยหายใจ หรือหากพบหัวใจหยุดเต้นให้เริ่มการกู้ชีพ CPR
6.ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยอบอุ่น
7.คอยสังเกตอาการจนกว่ารถพยาบาลจะมา
8.อย่าให้ผู้ป่วยหลับ
9.ห้ามอาบน้ำให้ผู้ป่วย

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสุข สนุกสนาน แต่ข้อเสียของมันก็ส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นควรดื่มแต่พอประมาณ พอดี ไม่หักโหมจนเกินไปเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ สาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล , @อ.พญ.วิจิตรา เลี้ยงสว่างวงศ์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล