นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ย. มีมูลค่า 25,608 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 25,832 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 0.9% ส่งผลให้ไทยขาดดุล 224.4 ล้านดอลลาร์ สำหรับภาพรวม 11 เดือนของปี 67 การส่งออก มีมูลค่า 275,763 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.1% ส่วนการนำเข้า 282,033 ล้าน ขยายตัว 5.7% ขาดดุลการค้า 6,269 ล้านดอลลาร์

สำหรับการส่งออกไทยในเดือน พ.ย. ที่ขยายตัว มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 5.7% โดยสินค้าเกษตรขยายตัว 4.1% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 7.7% โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาล และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์  

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 9.5% มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด   

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การส่งออกเดือน ธ.ค. คาดจะมีมูลค่า 24,300 ล้านดอลลาร์ หากรวมทั้งปีการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 5.2%  อยู่ที่ 3 แสนล้านนดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 65 ที่มีมูลค่าการส่งออก 287,400 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ อันเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินนโยบายเชิงรุก ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ