จากกระแสข่าวการเมืองร้อน เมื่อพรรคภูมิใจไทยไปโหวตรับกฎหมายประชามติ 2 ชั้นตาม สว. ทำให้คนในเพื่อไทยอื้ออึงถึง“อีแอบ”ที่เป็นตะเข้ขวางคลองอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ปรากฏภาพ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “อดีตนายกฯแม้ว ”ทักษิณ ชินวัตร และ “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี เศรษฐีหุ้นและเจ้าพ่อพลังงาน ไปตีกอล์ฟร่วมกัน จนว่ากันว่า เป็นการสยบรอยร้าว

วันที่ 23 ธ.ค. อดีตนายกฯ แม้วไปช่วย “สว.ก๊อง”พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หาเสียงที่เชียงใหม่ และได้ให้สัมภาษณ์ว่า กอล์ฟนัดนั้นนายสารัชถ์เป็นคนเชิญ และเขาก็รู้จักนายอนุทิน จึงชวนไปในฐานะเพื่อน เมื่อมีการส่งรูปออกไปก็มีสื่อนำไปตีเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไร

“สำหรับ นายอนุทิน ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ กติกาง่ายนิดเดียว คนเราเมื่ออยู่ร่วมกันก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน เรื่องที่ดูเหมือนไม่ลงรอยกันระหว่างสองพรรค ก็เป็นธรรมดา เรื่องลิ้นกับฟันบางครั้งก็กัดโดนกันบ้าง จากนี้ไม่น่าจะมีอะไร เพราะนายอนุทินกับ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร ทำงานกันได้”

อดีตนายกฯแม้ว มั่นใจว่า “สว.ก๊อง” น่าจะชนะศึกเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ เพราะตนเองกลับมาแล้ว และคนเชียงใหม่เห็นว่าใช้งานตนได้ ส่วนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่าสมัยพรรคก้าวไกลได้ สส.เชียงใหม่ถึง 7 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งหน้าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้ สส. 10 ที่นั่ง มั่นใจว่าความนิยมของคนเชียงใหม่เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนมาพรรคเพื่อไทยหมดแล้ว ขอขิง ( อวด ) แข่งกันบ้าง

นายกฯอิ๊งค์ ให้สัมภาษณ์กรณีพ่อแม้วออกรอบตีกอล์ฟกับเสี่ยหนูว่า“ถ้าทราบว่าไปร้องเพลงจะได้ไปด้วย” และว่าไม่แปลกใจที่นายทักษิณไปพบนายอนุทิน จะปลายปีแล้วทุกคนได้พักผ่อนได้สนุกสนานก็เป็นเรื่องดี ตนและนายอนุทินก็คุยกันอยู่ มีปัญหาอะไรก็เคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย

น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ส่งท้ายปีอยากให้ทุกท่านมีจิตใจที่สดใสเบิกบานพยายามมีความสุขกับเรื่องเล็กๆเรื่องง่ายๆใกล้ๆตัว สมมุติว่าเรามีกระดาษแผ่นหนึ่ง ถ้าจิ้มจุดดำไว้แล้วมองที่จุดดำจุดเดียว ก็จะกลายเป็นจุดที่ใหญ่มาก ถ้าทุกคนเอาไปปรับใช้กับชีวิต บางทีมีพื้นที่อีกเยอะที่เป็นเรื่องดีๆ อยากให้ทุกคนมีพลังงานที่ดีต้อนรับปีใหม่ แน่นอนปีหน้าที่รัฐบาลประกาศจะเป็นปีแห่งโอกาส รัฐบาลก็จะทำเต็มที่ให้เป็นโอกาสที่ดีของคนไทยทุกคน ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงไปไหนมาไหนเดินทางปลอดภัย สนุกสนานให้เต็มที่ในช่วงวันหยุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ บรรยากาศในต่างจังหวัดคึกคักจากการรับสมัครนายก อบจ. และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ( สจ.) ในส่วนจังหวัดที่ อบจ.หมดวาระ ในเขตที่พรรคประชาชน ( ปชน.) ตั้งความหวัง ก็จะส่ง “ตัวใหญ่”ลงไปช่วยหาเสียง อย่างปากน้ำ สมุทรปราการ กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ส่งนายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ชิงเก้าอี้ ปชน. ส่งนายนพดล สมยานนทนากุล แข่ง โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ช่วยหาเสียง

จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ นายก อบจ.นนทบุรี กลุ่หมผึ้งหลวง แข่งกับนายเลิศมงคล วราเวณุชย์ สมัครในนามพรรค ปชน. โดย “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. จะเป็นผู้ช่วยหาเสียง

จ.ปราจีนบุรี ภายหลังเกิดเหตุรุนแรงกลายเป็นพื้นที่จับตา พรรค ปชน. ส่งนายจำรูญ สวยดี ลงสมัคร โดย “ไหม”ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ปชน.เป็นผู้ช่วยหาเสียง คู่แข่งคือ น.ส.นภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ลงในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีผู้มาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก น.ส.นภาภัช กล่าวว่า “เมื่อเช้าก็ไปบอกพี่โต้ง ( นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ สจ.ที่ถูกยิงตาย ) ขอให้มาด้วย ก็เชื่อว่า พี่โต้งมา เรื่องคดีตอนนี้ก็โอนไปให้กองปราบทำแล้ว ก็สบายใจขึ้น และจะคุยกันเรื่องสานต่อเจตนาพี่โต้ง ไม่อยากให้มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก อยากให้มีเฉพาะบ้านของคนปราจีนทุกคนมากกว่า”

สำหรับความคืบหน้า หรือจะเรียกว่า วังวน ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ “ไอติม”พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ปชน. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ข่าวดี คณะกรรมการของประธานรัฐสภา มีมติให้ประธานบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร. ) เปิดทางการทำประชามติ 2 ครั้ง เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา

“มตินี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยกระบวนการที่มีการทำประชามติเพียง 2 ครั้ง ซึ่งจะประหยัดทั้งงบประมาณ เวลา และทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันก่อนการเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ การพิจารณาในวาระที่ 1 คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 14-15 ม.ค. 2568 นี้”

อย่างไรก็ตาม ประธานวิปรัฐบาลก็ดับฝันไป ว่า “จะแก้รัฐธรรมนูญก่อนทำประชามติไม่ได้” นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การทำประชามติ 2 ครั้งนับว่าดี เพราะทำครั้งหนึ่งต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ต้องไปรอให้ผ่านระยะเวลา 180 วันไปก่อน หลังจากนั้นค่อยไปตั้ง ส.ส.ร.แล้วว่ากันใหม่อีกครั้ง การแก้รัฐธรรมนูญทำระหว่างรอกฎหมายประชามติ 180 วันไม่ได้

“ผมถามฝ่ายกฎหมายสภา และประธานรัฐสภาแล้ว เมื่อผ่านระยะเวลาพักร่าง 180 วันแล้ว ถึงจะมาเลือกตั้ง ส.ส.ร. การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งก็ไม่เป็นไร เราทำเต็มที่แล้วทุกคนก็เห็น จะพยายามให้มี ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็พอ เมื่อประชามติผ่าน ต้องได้เสียง สว. 60-70 เสียง มาร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

ก็รอดูหรือทำลืมๆ ไปพลางก็ได้เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ วันทำประชามติเขาตีปี๊บกันเองแหละ.

“ทีมข่าวการเมือง”