เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน มีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง หรือไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 11 โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องสำคัญคือการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทางผู้บริหารกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้ออกมาวิงวอนให้คณะกรรมการไตรภาคีเห็นแก่ลูกจ้าง อนุมัติเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบคณะกรรมการไตรภาคีเข้าร่วมประชุมครบทั้ง 15 คน จากผู้แทน 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน และรัฐบาล 5 คน โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน และประชุมเสร็จในเวลา 18.30 น. โดยนายวีรสุข แก้วบุญปัน กรรมการค่าจ้างฯ สัดส่วนลูกจ้าง กล่าวสั้นๆ ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกสารให้มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทแต่ไม่เท่ากันทั้งประเทศ โดยในรายละเอียดขอให้ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นผู้แถลง ในส่วนลูกจ้างดีใจมากและตนเองก็ถือว่าดีใจที่สุดในโลก
ต่อมาเวลา 18.35 น. นายบุญสงค์ แถลงว่า การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ครั้งที่ 11 มติเป็นเอกฉันท์กับจังหวัดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 โดยปรับค่าจ้างขั้นต่ำในอัตรา 7 บาทถึง 55 บาท เฉลี่ยร้อยละ 2.9 แบ่งเป็น 17 อัตรา โดยพิจารณาจากค่าครองชีพและโครงสร้างทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ อัตราสูงสุดอยู่ที่วันละ 400 บาท ต่ำสุดอยู่ที่วันละ 337 บาท โดยจะนำเข้าครม.ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ ดังนี้ กลุ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ประกอบด้วย ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุยของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ค่าจ้างขั้นต่ำ 380 บาท ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 372 บาทในท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด คือ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 359 บาทมี 1 จังหวัดคือนครราชสีมา ค่าจ้างขั้นต่ำ 358 บาทมี 1 จังหวัดคือสมุทรสงคราม ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 357 บาท มี 5 จังหวัดประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น, เชียงใหม่ ยกเว้นอำเภอเมือง, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยาและสระบุรี
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 356 บาทมี 1 จังหวัดคือลพบุรี จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 355 บาท มี 3 จังหวัด คือนครนายก, สุพรรณบุรี และหนองคาย จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 354 บาท มี 2 จังหวัดคือกระบี่ และจังหวัดตราด
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 352 บาท มี 15 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี, จันทบุรี, เชียงราย, ตาก, นครพนม, บุรีรัมย์, ประจวบคีรีขันธ์, พังงา, พิษณุโลก, มุกดาหาร, สกลนคร, สงขลา ยกเว้นอำเภอหาดใหญ่, สระแก้ว, สุราษฎร์ธานี ยกเว้นอำเภอเกาะสมุย และจังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 351 บาท มี 3 จังหวัดได้แก่ ชุมพร, เพชรบุรี และสุรินทร์ จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 350 บาท มี 3 จังหวัด ประกอบด้วยนครสวรรค์, ยโสธร และลำพูน จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 349 บาท มี 5 จังหวัดคือกาฬสินธุ์, นครศรีธรรมราช, บึงกาฬ, เพชรบูรณ์ และร้อยเอ็ด
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 348 บาท มี 5 จังหวัดประกอบด้วย ชัยนาท, ชัยภูมิ, พัทลุง, สิงห์บุรีและอ่างทอง
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 347 บาทมี 16 จังหวัดประกอบด้วยกำแพงเพชร พิจิตร มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สตูล สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์และอุทัยธานี
จังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 345 บาท มี 4 จังหวัดประกอบด้วยจังหวัดตรัง, น่าน, พะเยา และแพร่ และจังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 337 บาทมี 3 จังหวัดได้แก่ นราธิวาส, ปัตตานี และยะลา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมไตรภาคี หรือเริ่มตั้งแต่เข้าประชุมในเวลา 13.00 น. นายบุญสงค์ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า วันนี้ประชุมไม่นาน 30 นาที แต่ต่อมาในเวลา 15.05 น. ได้มีการพักการประชุมชั่วคราว ปรากฏว่าฝ่ายนายจ้างทั้ง 5 คน ได้ออกจากห้องประชุมพร้อมกันแล้วเข้าไปในห้องประชุมกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ราวๆ 5 นาที ก่อนแยกย้ายกันไปทำธุระในห้องน้ำ ขณะที่ฝ่ายลูกจ้างได้ออกมาเข้าห้องน้ำพร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ที่สอบถามว่ามีการเคาะค่าจ้างฯ แล้วกี่จังหวัด “ขอคุยกันก่อน ยังไม่ได้สักจังหวัด” “ยังคุยกันเรื่องหลักการอยู่” จากนั้นเวลา 16.47 น. นายจ้างออกไปเข้าห้องน้ำเป็นกลุ่มๆ อีกครั้ง ทั้งนี้เมื่อผู้สอบถามกลุ่มนายจ้างว่า นายจ้างยิ้มแย้มเลย ทำให้หนึ่งในผู้แทนนายจ้างตอบกลับมาว่า “ไม่เครียดแล้วครับ” ขณะที่ ปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งเดินตามหลังออกมา ทำมือเป็นสัญลักษณ์ขอเวลานอก และกล่าวสั้นๆ ว่า “หลักการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการพิจารณารายจังหวัด ไม่เกิน 6 โมงครึ่ง”