เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 67 ที่ ห้องสัมมนากรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางร่วมเป็นประธานในการประชุมผู้บริหารงานราชทัณฑ์ทั่วประเทศ โดยได้กำชับให้ผู้บริหารงานราชทัณฑ์ พัฒนาวิสัยทัศน์และยกระดับการทำงานของราชทัณฑ์ให้ทัดเทียมกับงานราชทัณฑ์ในระดับสากล โดยอาจใช้โมเดลประเทศสิงคโปร์ ที่วางบทบาทกรมราชทัณฑ์ให้ทำหน้าที่เป็น “กัปตันชีวิต ของคนที่เคยก้าวพลาด” ดังนั้น เป้าหมายของกรมราชทัณฑ์ไทย ควรมุ่งเน้นการพัฒนาและฟื้นฟูศักยภาพของผู้ต้องขังเพื่อที่จะส่งบุคคลเหล่านั้นกลับคืนสู่ครอบครัว ในฐานะที่เป็นคนใหม่

พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า การใช้เวลาของผู้ต้องขังในเรือนจำไม่ควรปล่อยให้สูญเปล่า แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาได้ใช้เวลาในเรือนจำเพื่อทบทวนตนเองว่าต้องการพัฒนาศักยภาพในเรื่องใด หรือเพื่อแสวงหาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจไม่มีโอกาสได้ทำตอนที่อยู่นอกเรือนจำ เพราะเงื่อนไขหรือความจำเป็นต่างๆ ในชีวิต ซึ่งกรมราชทัณฑ์ควรต้องจำแนกกลุ่มของผู้ต้องหาตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้วย เพื่อดึงศักยภาพผู้ต้องขังมาใช้และพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น มอบหมายให้ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ต้องขังรายอื่น เป็นต้น

พ.ต.อ.ทวี ระบุอีกว่า ในอนาคตตนมีความคาดหวังที่จะเห็นเรือนจำของไทยพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถจัดการเรียนการสอนได้เหมือนสถานศึกษาทั่วไป ตลอดจนมีสิทธิออกประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรต่างๆ ที่มีศักดิ์และสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งได้รับการยอมรับจากสังคม เพื่อให้ผู้ต้องหาที่พ้นโทษไปแล้ว สามารถตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงกลับมากระทำผิดซ้ำ ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวหลังจากพ้นโทษ ราว 2-3 แสนคน ซึ่งหากบุคคลเหล่านี้กลายเป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของครอบครัวและสังคม ก็จะส่งผลให้สังคมไทยและประเทศชาติมีความมั่นคงและปลอดภัยตามไปด้วย ทั้งยังจะมีทรัพยากรบุคคลมาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น หน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ คือ ต้องเป็นกัปตันชีวิตของคนก้าวพลาด เพื่อส่งคืนคนที่มีคุณภาพกลับสู่สังคม

พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวอีกว่า การที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะสามารถดูแลผู้ต้องหาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เจ้าหน้าที่ก็ควรต้องได้รับการดูแลสวัสดิการอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงให้ความมั่นใจแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าตนจะผลักดันเรื่องสิทธิ สวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างบ้านพัก ซึ่งจะถือเป็นความสำคัญเร่งด่วนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน.