เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เป็นประธานในงานสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2567 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2568 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวมอบนโยบายว่า การแถลงผลงานประจำปีของ กอ.รมน.ถือเป็นทิศทางที่ดี สำหรับรัฐบาลเองถือเป็นวาระแห่งชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด ปัญหาไซเบอร์ต่างๆ ที่ตอนนี้มีผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนอย่างมาก ในฐานะ ผอ.รมน.จะมอบภารกิจสำคัญเพิ่มเติมให้กับ กอ.รมน.สำหรับปีงบประมาณ 2568 1.ด้านของความมั่นคงทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ประชาชนประสบภัยพิบัติต่างๆ มากมาย นำความเสียหายมาให้ประชาชนและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และอีกไม่นานเราจะต้องรับมือของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ดังนั้นขอให้ กอ.รมน.และจังหวัดร่วมเป็นด่านหน้าในการช่วยกันป้องกันเฝ้าระวังการลักลอบการตัดไม้ การเผาป่า เผาพืชทางการเกษตรที่จะก่อให้เกิดปัญหา PM 2.5 รวมถึงเฝ้าระวังการลักลอบกำจัดหรือฝังกลบกากอุตสาหกรรมหรือของเสียที่เป็นภัย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเข้มข้น รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนอย่างเข้มข้น ด้านความมั่นคงทางสังคม จะต้องดูแลชีวิตประจำวันของประชาชน จึงขอมอบหมายให้ กอ.รมน. ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นคือ 1. ปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ ขอให้ กอ.รมน. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตำรวจและฝ่ายปกครอง ในการดำเนินงานสกัดกั้นเส้นทางการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ การปราบปรามยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด และค้นหาผู้เสพในชุมชนให้เข้ากระบวนการบำบัดรักษา นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก และสร้างอาชีพไม่ให้กลับเข้าสู่วงจรของยาเสพติดอีกครั้ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า 2.เรื่องการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติและรับมือกับภัยร้ายต่างๆ ขอให้ กอ.รมน.บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และ 3.เรื่องหนี้นอกระบบ ขอให้ กอ.รมน.ร่วมมือกับฝ่ายปกครองร่วมลงพื้นที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหานี้ ส่วนหนี้ในระบบรัฐบาลมีเรื่องนโยบายอยู่แล้วที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งเพิ่งประกาศนโยบายออกไป รวมถึงการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีบทบาทสำคัญมาโดยตลอดโดยเฉพาะงานข่าวกรอง งานมวลชนที่เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.รณรงค์ปลูกฝังในชุมชน ขอให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ขอมอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร ด้านเทคโนโลยีต้องเน้นย้ำให้ปรับตัวทันกับโลกและเปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการที่ทันสมัย เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น ตรวจสอบได้ และโครงสร้างของ กอ.รมน. กำลังพลจะต้องกะทัดรัดคล่องตัว สามารถปรับตัวได้ง่าย สายการบังคับบัญชาต้องสั้นลง การทำงานต้องมีเป้าหมาย นอกจากมีเป้าหมายแล้วก็ต้องมีตัวชี้วัดผล (KPI) ที่ชัดเจนให้มากขึ้น โอกาสนี้ขออวยพรให้ปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านในองค์กรให้โอกาสซึ่งกันและกันพร้อมสนับสนุน เพราะประเทศจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ต้องอาศัยความสามัคคีของทุกฝ่าย เพื่อที่จะให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความสุข เราก็จะทำหน้าที่ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ ช่วยกันดูแลปกป้องประเทศ ปกป้องประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ช่วยกันอย่างเต็มที่ ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่สดใสทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง หวังว่าจะได้ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น และทำงานแบบบูรณาการมากยิ่งขึ้นต่อไป
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า โดยมี ผบ.ทบ.เดินมาส่ง เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายกฯ ว่าอยู่ท่ามกลางความมั่นคงอบอุ่นหรือไม่ และคุ้นกับทหารหรือยัง นายกฯ หันมาตอบว่า “อบอุ่นมาก และคุ้นเคยนานแล้ว ตั้งแต่เรียนมินิ วปอ.”