เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พญ.ภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รอง ผอ.สำนักอนามัย รักษาราชการแทน ผอ.สำนักอนามัย (สนอ.) กล่าวถึงการเร่งสร้างความตระหนักรู้และแนวทางส่งเสริมด้านโภชนาการ เพื่อควบคุมการบริโภคเกลือและโซเดียมของประชาชนใน กทม.ว่า สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงรายใหม่พบสูงมากขึ้นทุกปี ซึ่งผลการตรวจสุขภาพประชาชน 1 ล้านคนของ กทม. ในปี 67 พบว่าประชาชนมีพฤติกรรมบริโภคอาหารเค็มและหมักดองเป็นประจำอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ สูงถึงร้อยละ 24 และพบสูงสุดในประชาชนกลุ่มอายุ 15-34 ปี สูงถึงร้อยละ 36
กทม. จึงดำเนินการตามยุทธศาสตร์ลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประเทศไทย (SALTS) และร่วมขับเคลื่อนนโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียมในปีงบประมาณ 67 โดยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเขต 50 เขต สำนักงานตลาด กทม. ผู้จัดการตลาด Premium Market และบุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งสำรวจปริมาณโซเดียมในตัวอย่างอาหารในชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล และร้านจำหน่ายอาหารในพื้นที่ 50 เขต ประเมินความตระหนักรู้ของประชาชน และขยายผลไปยังตลาดอื่น ๆ ในพื้นที่ รวมถึง Healthy Canteen ในโรงอาหารศาลาว่าการ กทม. (ดินแดง) ตลอดจนประชาสัมพันธ์ตลาดและร้านค้าที่จำหน่ายอาหารเค็มน้อยสั่งได้ สุขภาพดีสั่งได้ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ BMA Nutri Chat
นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยเชิงรุกในชุมชนผ่านหน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ครอบคลุมทั้ง 50 เขต โดยมีนักโภชนาการให้คำแนะนำด้านโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม สร้างความตระหนักเรื่องโซเดียม การใช้เครื่องปรุง การอ่านฉลากโภชนาการ และแนะนำการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้งมีบุคลากรของศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) เยี่ยมบ้านประเมินภาวะโภชนาการในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ พร้อมให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่
ส่วนการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารเช้าและกลางวันในโรงเรียนสังกัด กทม. ได้ใช้โปรแกรม Thai School Lunch for BMA จัดอาหาร โดยกำหนดเมนูที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงวัยของนักเรียน ทดลองคำนวณและวิเคราะห์คุณค่าสารอาหารโดยนักโภชนาการของ สนอ. เพื่อให้มีความหลากหลายและได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายตามวัย พร้อมทั้งขอความร่วมมือโรงเรียนในสังกัดและนอกสังกัดดำเนินการมาตรการ 9 ข้อในการส่งเสริมด้านโภชนาการในโรงเรียน รวมถึงให้นักโภชนาการลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กในโรงเรียน เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กให้สามารถเลือกรับประทานอาหารและมีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม.