เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. 67 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมาติดตามความคืบหน้า หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประสานเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยอ้างว่าจะนำหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ส่งมอบให้โดยตรง แต่ตำรวจขอเลื่อนนัดหมายมาเป็นวันนี้แทน แต่ปรากฏว่า ผบ.ตร. ก็ไม่ได้มารับเรื่อง จึงนำคลิปเสียงความยาว 7 นาที 5 วินาทีมาเปิดเผยให้กับสื่อมวลชนแทน โดยบอกว่าคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่าง “รองอุ๊” กับ “นายชาติ” คนขับรถของ สจ.โต้ง ซึ่งพูดคุยกันหลังเกิดเหตุ เนื้อหามีการพูดถึงระหว่างเกิดเหตุว่ามีลูกน้องของทั้งสองฝั่งเข้าไปในบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร จำนวนมาก และแต่ละคนพกอาวุธปืนเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในคลิปเสียงก็ไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนว่าการยิงครั้งนี้มีใครสั่งการหรือไม่

นอกจากนั้นยังมีการพูดคุยประเด็นเรื่องเงิน จำนวน 20 ล้านบาท โดยมีคลิปวิดีโอขณะ สจ.โต้ง นั่งรถกระบะสีดำไปขนเงินภายในบ้าน “รองอุ๊” โดยมีลูกน้องขับรถตามไปคุ้มกัน อีกทั้งมีภาพนิ่งเป็นกล่องที่บรรจุเงินสดเป็นแบงก์ร้อยรวมกันหลายมัด และในคลิปเสียงยังมีการคุยกันเรื่องที่ “สจ.จอย” ไปประชุมเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนการเลือกตั้งจากสมาชิก อบจ.

นายสันธนะ กล่าวว่า การที่ตัวเองมาเปิดเผยข้อมูลเพียงแค่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้โกทร ไม่ได้รับงานมาจากโกทร หรือใคร เชื่อว่าทางตำรวจมีหลักฐานชุดนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ยอมนำเข้าสำนวน เพราะต้องการจะบิดข้อมูลเพื่อช่วยฝั่งการเมือง ส่วนตัวมองว่ากรณีที่ กกต. ประกาศรับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เพราะมีเรื่องเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องให้ตำรวจตรวจสอบต่อไปว่าเส้นทางการเงินจากต้นทางถึงปลายทางไปที่ไหนบ้าง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

นายสันธนะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับครอบครัวของโกทร ยืนยันว่าตระกูลวิลาวัลย์ จะไม่ลงเลือกตั้งการเมืองแน่นอน ส่วนเรื่องของคดีต้องการให้โกทร เซ็นมอบอำนาจให้ตัวเองเป็นผู้ดำเนินการเรื่องคดี โดยจะต้องพูดคุยกับทางทนายความของโกทร ซึ่งบอกว่าหากทนายความไม่เห็นด้วยก็ถือว่ามีอะไรแอบแฝง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันธนะ มีการตะโกนเรียกชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ลงมารับหนังสือ แต่หากไม่มารับ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดตามความผิดฐาน 157 ละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย.