เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 (บอร์ดค่าจ้าง หรือไตรภาคี) ที่จะมีการประชุมพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำในวันนี้ ว่า ได้มอบนโยบายผ่านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นประธานการประชุม ให้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทเท่ากันทั้งประเทศ และให้นำโมเดลการปรับค่าจ้างปี 2555 วันละ 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ มาเป็นต้นแบบในการพิจารณา

ทั้งนี้ จากปี 2555 จนถึงวันนี้ระยะเวลา 12 ปี ค่าจ้างขั้นต่ำที่ต่ำที่สุดยังอยู่ที่วันละ 332 บาท เท่ากับ 12 ปี เฉลี่ยขึ้นปีละ 2-3 บาท ซึ่งซื้อไข่ไก่ 1 ฟองยังไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีจังหวัดที่สามารถขึ้นไปได้ถึง 70 บาท ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 6 บาท ซึ่งในแต่ละปีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) บวกกับอัตราเงินเฟ้อควรจะปรับไม่น้อยกว่า 3% รวมถึงค่าสินค้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นรายจ่ายมีการปรับขึ้นไปแล้ว จึงตั้งโจทย์ไว้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ควรจะปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่วันละ 400 บาท

อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมจะออกมาในทิศทางใด ขึ้นอยู่การหารือของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 5 คน โดยต้องได้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 10 ใน 15 เสียง จึงขอวิงวอนฝากถึงคณะกรรมการฝ่ายนายจ้าง ให้นึกถึงลูกจ้างตลอดเวลาที่ทำงานทั้งช่วงที่เศรษฐกิจดีและไม่ดี เพื่อความเป็นธรรมของผู้ใช้แรงงาน ยืนยันว่า กระทรวงแรงงานทำหน้าที่อยู่ตรงกลาง คำนึงถึงทุกฝ่ายทั้งนายจ้างและลูกจ้าง และไม่มีความกดดันกับการปรับค่าจ้าง แต่มุ่งมั่นทำงานสนองนโยบายรัฐบาล  

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกวา สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบของนายจ้าง หลังประกาศค่าจ้างขั้นต่ำว่า เบื้องต้นได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยไม่อยากให้สังคมโทษว่าการปรับค่าจ้างทำให้เกิดการปิดกิจการ การเลิกจ้าง ซึ่งมองว่าธุรกิจที่ปิดตัวหรือถูกเลิกจ้าง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ อีกทั้งในทุกปีแม้เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี จะมีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่ และมีธุรกิจปิดตัวลง ถือเป็นวัฏจักร หรือวงล้อมของการทำธุรกิจ.