เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดการข่าว กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า เฝ้าติดตามพฤติกรรมของ สองผัวเมียคู่หนึ่งหลังพบมีพฤติกรรมเป็นผู้ค้าเฮโรอีนให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนทำการบุกจับกุม ขณะที่ทั้งสองคน กำลังนำเอาเฮโรอีนไปส่งให้กับลูกค้า บริเวณริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

โดยเจ้าหน้าที่ขับรถประกบ ก่อนจะเข้าตรวจค้นภายในรถกระบะอีซูซุ พบเฮโรอีน น้ำหนัก 350 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าวางอยู่บริเวณที่วางเท้าฝั่งผู้โดยสาร โดยผู้ต้องหาทั้งสองคน รับสารภาพว่าเฮโรอีนดังกล่าว เป็นของตัวเองจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะสามารถขยายผลไปจับกุม นายอนุชา หมื่นอาจ อายุ 31 ปี เอเย่นต์เฮโรอีนรายใหญ่ในกาญจนบุรี โดยสามารถจับกุมได้พร้อมของกลาง เฮโรอีน น้ำหนักรวม 2.8 กิโลกรัม

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายอนุชา ได้สำเร็จ และกำลังคุมตัวไปสอบปากคำพร้อมทำบันทึกจับกุม ที่สำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรีนั้น อยู่ภรรยาของนายอนุชา ได้โทรศัพท์เข้าเครื่องของนายอนุชา และพยายามพูดคุยติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยขอนำเงินสด 2 ล้านบาท เข้ามาให้เจ้าหน้าที่ แลกกับการให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนายอนุชาไป เจ้าหน้าที่จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมออกอุบายให้ภรรยาของนายอนุชา มาพบที่สำนักงาน

ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ปรากฏว่า น.ส.พรชนก อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายอนุชา ได้เดินทางมาพร้อมกับ น.ส.อารีย์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของนายอนุชา พร้อมด้วยเพื่อนอีก 1 คน ก่อนที่น.ส.อารีย์ จะนำเงินสด 1 ล้านบาทออกมาจากกระเป๋าเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า จะจ่ายให้อีก 1 ล้านบาท หลังได้รับตัวนายอนุชากลับไป ซึ่งทันที ที่ น.ส.อารีย์ นำเงินออกมาจากกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมตัวทั้ง 3 คนทันที โดยมีภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพและเสียงในช่วงเวลาดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเป็นหลักฐาน ก่อนจะควบคุมตัวนายอนุชา กลับไปยังห้องควบคุมตัว และดำเนินคดีกับ กับทั้ง 3 คน ในข้อหา ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน ต่อไป