เรียกได้ว่าคนเริ่มหลงใหลกันทั้งประเทศแล้ว สำหรับ “น้องเลอา” ลูกสาวคนสวยของนางร้ายเบอร์ต้นของประเทศ “ไอซ์ อภิษฎา” ถึงแม้อายุไม่ถึง 2 ขวบ แต่ความฉลาดเลิศล้ำอย่างมาก แถมตอนนี้สาวไอซ์เริ่มทำคลิปน่ารักของลูกสาวมาอวดแฟนๆ ได้ชมอีกด้วย

ล่าสุดสาวไอซ์ได้เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวนางร้าย Thailand (Devil Angel) ซีซั่น 2 เธอได้เผยโมเมนต์สุดน่ารักของน้องเลอา รวมทั้งแพลนมีลูกคนที่ 2 โดยเธอได้กล่าวว่า

“สำหรับน้องเลอาก็ให้มากองเริ่มหัดเจอคน เพราะว่าครั้งแรกที่พาไปกอง เขาก็ตกใจ ร้องไห้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยพามาเจอคนบ้าง ถามว่าเขาสงสัยไหมว่าแม่กำลังทำอะไร เราคิดว่าเขาเหมือนจะรู้นะ แต่ว่าไม่เคยเปิดทีวีให้ดู ไม่เคยเปิดโทรศัพท์ให้ดู แต่เราพาไปกองคิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าอันนี้แม่ฉันนะ ทำงานอยู่บนเวที แต่ว่าเขายังไม่รู้จักคำว่าดาราหรอก และเวลาที่เขาเจอบิลบอร์ดและเห็นผู้หญิงสวยเขาก็จะ (ทำท่าชี้) ส่วนการทำงานของเรา เขาก็ได้เห็นแล้ว จะบอกว่าเขาชิน แต่พอเวลาทีมพูดว่า 5 4 3 2 เขาก็จะตกใจ ช็อก คือเขาเป็นเด็กที่ไม่ชอบคนพูดเสียงดัง แต่ว่าจริงๆ เราไม่ได้อยากซึมซับให้เข้าวงการบันเทิง แต่อยากให้ไม่กลัวคน คือเราอยากให้ชินไว้ เพราะว่า ณ ตอนนี้เขาก็ใกล้จะ 2 ขวบแล้ว เราก็ไม่ได้พาไปไหนมากมาย

ส่วนล่าสุดพาไปเจอเจ๊เกลมา คือมีหลายคนถามนะ ทำไมไม่พาไปเจอกันสักที เราเลยบอกว่าบ้านไกลค่ะ คือบางทีเวลาเด็กเจอกันยาก แต่ตอนเจอเจ๊เกลเขาก็ช็อกนะ ถามว่าเขาเป็นอินโทรเวิร์ตไหม ก็บางครั้ง คือบางทีเราก็ยังไม่รู้ว่าลูกเราเป็นแนวไหน คือเมื่อก่อนด้วยความที่ไม่ได้ไปเจอข้างนอกและเสียงดังก็รู้ว่าเขาจะตกใจแต่ตอนนี้เขาก็เริ่มชิน แต่คิดว่าเด็กต้องใช้ความเคยชินไปเรื่อยๆ

สำหรับมีมมะม่วง คือเขาเป็นเอง คิดเอง เพราะว่าคุณยายชอบไปแซวเขาว่าหน้าฝรั่ง ป๊ะป๋าเป็นฝรั่ง แล้ววันนึงเขากินฝรั่ง แล้วเขาก็เข้าใจว่าป๊ะป๋าเขาเป็นฝรั่งที่เป็นผลไม้ เขาก็เลยคิดว่าเขาอยากเป็นมะม่วง ประมาณว่าในเมื่อป๊ะป๋าเป็นฝรั่งเขาก็จะเป็นมะม่วง พอมันกลายเป็นมีมเราก็คิดว่านี่ก็ลูกใช้ได้เลยนะ คืออยู่บ้านแล้วถ่ายวิดีโอตลอดเวลาคือจะรู้ว่าเลอาเป็นคนตลก คือไม่รู้ว่าเขาเอาแอคติ้งมาจากไหน ครั้งแรกตอน 6 เดือนที่ให้กินผลไม้ และไม่ใช่ผลไม้เปรี้ยวนะ แต่หน้าเขาแบบ (ทำท่าทางเปรี้ยว) คือเป็นเด็กมีแอคติ้งเกินเบอร์ เราก็เลยบอกว่า เอ๊ะ…ดีดี้ (ตัวละคร) ยังอยู่ในดีเอ็นเอ คือแบบมันเหมือนส่งต่อ เราไม่เคยสอนแอคติ้งเขา เพราะส่วนตัวอยากให้เขาเป็นเด็กที่ธรรมชาติที่สุด เราไม่ได้ใส่ให้แบบรักการแสดง แต่ว่าเรื่องแอคติ้งมันอยู่ในสายเลือด จนแบบทุกคนเห็นแล้วบอกว่าฉันรู้แล้วว่าลูกจะเหมือนใคร แต่เราความจำเขาจะได้คุณพ่อมา เรื่องการแสดงออกได้คุณแม่ ซึ่งคุณพ่อเขาขำแอคติ้งของลูก บางเรื่องก็เข้าใจบางเรื่องก็ไม่เข้าใจ ถามว่าพ่อโอเคไหมที่ลูกกลายเป็นไวรัลในโซเชียล คือเริ่มแรกเกิดเรื่องนี้คือเป็นเรื่องที่เราต้องเข้าใจเขา และเขาต้องเขาใจเรา คือฝรั่งเขาจะไม่อยากให้ลูกออกโซเชียล ทุกอย่างจะเป็นส่วนตัวมาก และพอเรามีลูกเขาก็เขาก็อยากให้เราเข้าใจตรงนั้น ซึ่งเราก็บอกว่าเราเข้าใจ แต่หลังๆ เขาก็ยอมไปเอง เขาบอกเขาเข้าใจว่าเราเป็นดารา ตอนนี้จะทำอะไรเขาเข้าใจเพราะว่าเก็บโมเมนต์ความน่ารักของลูก แต่ถ้าวันนึงลูกพูดได้แล้วลูกต้องการอะไรเธอต้องให้เกียรติลูกด้วย ถ้าสมมุติแบบลูกเป็นคนที่เหมือนพ่อเขา แล้วพอลูกไปโรงเรียนแล้วเธอถามว่า เธอๆ ไปนี่มาเหรอ ไปนู่นมาเหรอ แล้วลูกไม่ได้อยากที่จะให้คนอื่นรับรู้ชีวิตเขา เราก็จะต้องไม่โพสต์ลูกนะ ถ้าวันที่ลูกพูดได้แล้วลูกรู้ว่าลูกต้องการอะไร เราก็รู้สึกว่าโอเคแฟร์ ตอนนี้คือเราควบคุมได้ด้วยการที่เราจะไม่ลงอะไรที่มันน่าเกียด ซึ่งเวลาที่เขาย้อนกลับมามอง แล้วเขาจะบอกว่าทำไมแม่ลงแบบนี้ เราก็จะเคารพในความเป็นมนุษย์ของลูกเหมือนกัน ไม่ใช่แบบว่าเอาลูกมาทำอะไรก็ได้ เราก็รู้ว่าอะไรควรโพสต์อะไรไม่ควรโพสต์ แต่วันที่ไอซ์โพสต์และไลฟ์สด มีคนมาคอมเมนต์ว่า เชื่อไหมคะทำงานหนัก เจอเรื่องเครียดมาทั้งวันเลย แต่ได้เห็นคลิปของเลอาแล้วมันมีรอยยิ้มมีความสุข คือมันย้อนกลับไปเหมือนตอนที่เรานั่งดูคลิปลูกของดาราคนหนึ่ง เรารู้สึกว่าน่ารักจังเลย จนเรานั่งไถฟีดไปเรื่อยๆ มันมีความสุข เราเลยย้อนกลับไปว่า ถ้าวันนี้เลอายังสร้างความสุขได้ ว่าเวลาที่เราลงคลิปแล้วทำให้คนที่เหนื่อยมาแล้วคลายเครียด เราก็รู้สึกว่าโอเคเราก็ยินดี เพราะเราเชื่อว่าเด็กก็มีช่วงวัยของเขาเพียงช่วงสั้นๆ ที่ทำอะไรก็น่ารักไปหมด

ส่วนเรื่องที่ว่าหยิบกล้องมาถ่ายเขาก็มีบ้างที่เขาจะวิ่งเข้ามาขอดู แต่บังเอิญว่าเราเองเวลาที่อยู่กับเขาเราก็จะไม่เล่นโทรศัพท์ เพื่อที่จะไม่ให้เขาขอดู เพราะว่าเขาก็อยากรู้ว่าเราทำอะไร ถ้าเราพูดว่าไม่ค่ะ ก็แปลว่าเราต้องไม่เล่นโทรศัพท์ด้วย และสำหรับภาพครอบครัว คือเอาจริงๆ คือเราก็มีรูปภาพครอบครัวของเราใส่กรอบไว้ที่บ้าน ซึ่งเราคิดว่ามันก็สำคัญในเมื่อเราเป็นครอบครัวเขาก็เข้าใจว่าเราทำงาน เราก็ต้องเข้าใจเขาว่าเขาเป็นแบบไหน เพราะฉะนั้นครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ และเราก็เข้าใจคนภายนอกนะที่บอกอยากเห็นรูปครอบครัว เราเข้าใจเลย แต่ขอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีในการเรสเป็คสามี แต่ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่เคยปกปิดตัวหรือว่าฉันเดินห้างกับเธอ ฉันใช้ชีวิตกับเธอ ชีวิตจริงมันสำคัญกว่าโซเชียลไหม ซึ่งมันสำคัญกว่า ในชีวิตเราไม่ต้องการเรียกร้องอะไร คือมันสมบูรณ์แล้วสำหรับในชีวิตจริงของเรา ในโซเชียลมันอาจจะไม่ใช่เหมือนกับคู่อื่นที่ทำ แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ขาดอะไร สำหรับเลอาให้ใช้คำว่าอินฟลูฯ แล้วกัน อย่าเพิ่งให้เครดิตเป็นดารา คือชอบรีวิวขนมถ้วยขนมกล้วย ขนมไทย ถ้าขนมไทยรับรีวิวหมด และพรีเซ็นเตอร์ก็รับได้ คือรับหมด ถามว่าค่าตัวเท่าไร เขาตอบ 1 บาท เราก็ถามว่าถ้าไม่ได้ 1 บาทอยากได้ค่าจ้างเป็นไร เลอาตอบกลับมาว่ามะม่วง ลองไปติดตามในติ๊กต็อกได้ และคืออินเนอร์เขาได้ มันตลกที่ว่าเขาชอบและดูรีวิวจริงใจมากนะ บางอันคือชอบก็ชอบไม่ชอบคือไม่ชอบ เด็กอะคุมยาก

ส่วนแพลนลูกคนที่สองก็อาจจะมี จริงๆ ก็โดนสะกิดมาเหมือนกันว่า เธอต้องมีคนที่ 2 แล้วนะ คือสามีและฝั่งแม่เขาก็อยากมีมากกว่า 1 คน ซึ่งตัวเราก็อยากมี 2 คนอยู่แล้ว แล้วพอมันผ่านมา เราเข้าใจคุณแม่ทั้งหลายเลยคือขี้เกียจค่ะ คือมันเหนื่อยแต่มันก็มีความสุข คือเราไม่ได้บ่นนะ เราคิดว่างานในวงการที่เราทำมันหนักแล้ว แต่พอเราได้ทำหน้าที่แม่ อาชีพนี้มันหนักแล้วเรา แต่เรามันมีความสุขอยากเต็มใจทำ ถึงเวลานั้นทุกคนก็ผ่านมันมาได้ ส่วนลูกคนที่ 2 ปีหน้าขอดูก่อนนะ คือยังไม่อยากพูดเยอะเพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติเนาะ คือไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือไม่ จริงๆ ก็ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ และอีกอย่างหนึ่งคือเลอาเขาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่อยากมีแล้ว คือมันมีความสุขมากกว่า แต่ถ้ามันไม่ใช่แล้วเขาไม่มาแค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว และตอนนี้เราใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ตอนนี้พักภูเก็ตไว้ก่อน คือสุดท้ายเราชอบภูเก็ตมากนะ แต่พอเราบินไปกลับคือมันเหนื่อยเกินไป แล้วด้วยภูเก็ตฝนตกบ่อยมาก เราก็เลยออกไปนอกบ้านลำบาก สุดท้ายใจเราก็เป็นเด็กกรุงเทพฯ ค่ะ ก็เลยขอกลับมากรุงเทพฯ ก่อน ที่เราย้ายไปภูเก็ตเพราะว่าบ้านที่กรุงเทพฯ ยังไม่เสร็จ เราคิดว่าถ้าจะต้องอยู่ที่ไหน ตอนที่คลอดลูกออกมาเราก็อยากจะอยู่ที่ที่มันอากาศดีๆ ภูเก็ตคือสวรรค์มาก ไม่มีมลภาวะ เรายังคิดเลยว่าเลอาเป็นเด็กอารมณ์ดีได้เพราะว่าแรกเกิดเขาอยู่กับเสียงธรรมชาติ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าฉันมีคนที่ 2 ฉันต้องไปคลอดที่นั่นอีกหรือเปล่า เพราะว่ามันได้บรรยากาศที่ดีมาก แต่ถึงเวลาคุณแม่ก็อยากเจอเพื่อนและอยากทำงาน เคยจับมือกับสามีก่อนมีลูกว่า ถ้ามีลูกขออยู่เมืองไทย 10 ปี เพื่อที่ว่าจะได้อยู่ใกล้คุณตาคุณยายและเราเชื่อว่าเมื่อเขาเป็นคนไทย การปลูกฝังความเป็นคนไทยมันควรจะเริ่มตั้งแต่เด็ก ถ้าสมมุติไปโตเมืองนอกกลับมาปลุกความเป็นไทยมันอาจจะยากหน่อย เพราะฉะนั้น ณ ตอนนี้อยากให้เขาปลุกความเป็นไทย เราคิดว่าความเป็นไทยมีเสน่ห์ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก”

