เมื่อช่วง สัปดาห์ที่ผ่านมา มท2. นายทรงศักดิ์ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำทีมสื่อมวลชนรวมถึงข้าราชการกรมที่ดิน ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจ และ พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ถึงข้อพิพาท เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์  ระหว่างกรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย

เนื่องจากที่ผ่านมามีการนำเสนอข่าว ในมุมมองที่ตีความหมายได้หลายอย่าง ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยจึงมองว่าการลงพื้นที่จะทำให้การเสนอข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงได้เข้าไปรับฟังข้อเท็จจริงจากชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงยังมีเสียงวิพากวิจารณ์ ด้วยว่า ประเด็นดังกล่าวมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายทรงศักดิ์เองก็ยืนยันไม่ได้จะว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลังอยู่หรือไม่ เพราะสังเกตดูว่าทุกครั้งที่ จะนำเรื่องเขากระโดงออกมาเป็นข้อพิพาท ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง หรือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคนของการเมือง และเป็นที่ดินที่เกี่ยวข้องกับคนการเมือง  ดังนั้นถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็คงเป็นไปไม่ได้ พร้อมย้ำว่าเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก

ขณะที่ทางกรมที่ดินเอง ก็ยืนยันว่าเราตรวจสอบแล้วพบว่ามีการระวางชี้แนวเขต ที่การรถไฟได้รับรับรองว่า ไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟ ซึ่งตรวจสอบจากข้อมูลในสารระบบ 2 ตำบล 271 แปลง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ที่ยังไม่เคยปรากฏในข่าว ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบแล้วครบถ้วนตามกฏหมายที่ดิน จนปี 2539 มีข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับการรถไฟ  

ทั้งนี้ในมุมของการรถไฟ ก็มียังอุปสรรค คือ ขณะนี้คนที่ทำงานเกี่ยวข้องคงไม่มีคนที่ทำงานในยุคที่ผ่านมาหรืออาจจะยังพอมีอยู่ หรือ เลขในแผนที่ก็ยังไม่ตรงกัน การยิงดาวเทียมก็ไม่ตรงกับที่การรถไฟฯมี ซึ่งแต่ละฝ่ายยังคงสับสน อย่างไรก็ตาม หากการรถไฟฯ บอกว่าที่ดังกล่าวเป็นของการรถไฟก็จะต้องไปหาหลักฐานมา

นอกจากนี้ข้อพิพาทดังกล่าวยังกระทบไปถึงที่ดินของวัดที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมาก เพราะหากลากตามเส้นแผนที่ตามปี 2539 บริเวณนั้นเป็นมุมสำหรับเผาศพ มีกระดูก และเป็นของบรรพบุรุษชาวบ้านอยู่มาเก่าก่อน

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ออกมาสะท้อน ว่า เรื่องเขากระโดงทุกคนต่างอ้างตัวหนังสือ ตะแบงเอากฎหมายใกล้เคียงมาตัดสิน โดยไม่มองความเป็นธรรม และความยุติธรรมของชาวบ้านเลย  และไม่ทางมีชาวบุรีรัมย์คนใดคิดจะโกงที่ดินของราชการ  และโฉนดถือครองไว้ ก็เป็นเอกสิทธิ์ตามกฎหมาย ที่ออกโดยกรมที่ดิน ที่ ถือครองมาตั้งแต่ในสมัย ปู่ ย่า ตา ยาย

นอกจากนี้ ข้อพิพาท เขากระโดงมักจะถูกนำมาเชื่อมโยงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์รอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดูแล้วยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ โดยเฉพาะ รอยร้าวที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 พรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังเป็นที่จับตามอง จากพรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองและประชาชน

เรื่องนี้คงเป็นงานหนักของรัฐบาลที่จะต้องเร่งหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดผลดีและถูกต้องที่สุด เพราะนอกจากจะต้องดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนแล้ว ก็จะต้องเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมด้วยกันเอง ถึงแม้จะออกมายืนยันความสัมพันธ์อันดีให้เห็นตามหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่หากเบื้องหลังรอยร้าวยังไม่สามารถสมานกันได้ ในอนาคตไม่แน่ว่า อาจจะเห็น พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเดินออก แล้วหนีไปซบอกฝ่ายค้านอีกรอบ ดูจะไม่ใช่เรื่องยาก