สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ว่า กองกำลังอาระกัน (เอเอ) ซึ่งสู้รบอย่างหนักกับกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ออกแถลงการณ์ว่า สามารถยึดศูนย์บัญชาการภูมิภาคตะวันตกของกองทัพเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐยะไข่ “ได้อย่างเบ็ดเสร็จ” หลังสู้รบกันมานานหลายสัปดาห์
การสูญเสียการยึดครองศูนย์บัญชาการแห่งนี้ นับเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ครั้งที่สองของกองทัพเมียนมา ต่อจากการต้องถอนกำลังออกจากศูนย์บัญชาการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่เมืองล่าเสี้ยว เมืองใหญ่อันดับสองของรัฐฉาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ให้กับกองทัพประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ) หรืออดีตพรรคประชาธิปไตยโกก้าง เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน การสูญเสียศูนย์บัญชาการสองแห่ง ภายในระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่เดือน ทำให้ตอนนี้กองทัพหรือรัฐบาลทหารเมียนมา เหลือการควบคุมศูนย์บัญชาการระดับภูมิภาคอีก 12 แห่ง แต่แทบทุกแห่งกำลังเป็นสมรภูมิสู้รบอย่างดุเดือด ระหว่างทหารกับกลุ่มนักรบชาติพันธุ์ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564
Ethnic minority insurgents captured a major military base in western Myanmar on Friday after months of fighting, the group said, the latest major set-back for the junta that seized power in 2021. https://t.co/QiEopjLMBa#Myanmar pic.twitter.com/shtZEdaY2U
— Radio Free Asia (@RadioFreeAsia) December 21, 2024
ก่อนหน้านั้นประมาณสัปดาห์เดียว กองกำลังอาระกันประกาศการควบคุม “พื้นที่ทั้งหมด” ของภูมิภาคหม่องดอ ในรัฐยะไข่ ซึ่งมีประชากรราว 110,000 คน และส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา
อย่างไรก็ตาม ชาวโรฮีนจาจำนวนไม่น้อยประณามปฏิบัติการทางทหารของกองกำลังอาระกัน ว่าเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ชาวโรฮีนจาจำนวนมากต้องพลัดถิ่นฐาน ด้านกองกำลังอาระกันโต้กลับว่า “เป็นโฆษณาชวนเชื่อของชาวโรฮีนจาเท่านั้น”
อีกด้านหนึ่ง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) รายงานเมื่อไม่นานมานี้ ว่าเศรษฐกิจของรัฐยะไข่ “กำลังเผชิญกับภาวะชะงักงัน” ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ประชาชนในพื้นที่จะเผชิญกับภาวะอดอยาก ภายในช่วงกลางปี 2568.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES