เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 134 หมู่ 3 บ้านสนวน ต.ด่าน และกำลังลามลุกไหม้บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน จึงประสานรถดับเพลิงในพื้นที่รวม 5 คัน ร่วมไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบเพลิงได้ลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูนอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง เปลวไฟที่ลุกโหมจึงสงบลง

นายยม บุญเจือ อายุ 59 ปี และนางยี ทองมาก อายุ 62 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งสองหลังถึงกับร้องไห้เป็นลมล้มฟุบ ชาวบ้านต้องคอยประคองและให้ดมยาดมพร้อมทั้งปลอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบทรัพย์สินเสียหายเบื้องต้น นอกจากจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้ เตียง ที่นอน อุปกรณ์เครื่องนุ่งห่ม และเอกสารสำคัญต่างๆ ที่ถูกเพลิงไหม้หมดแล้ว ยังพบซากเงินซึ่งเป็นธนบัตรแบงก์พันจำนวนมากถูกไฟไหม้เหลือเพียงซากบางส่วนให้ดูต่างหน้า โดยเจ้าของบ้านระบุว่า มีเงินสด 9 แสนบาท ทองคำหนัก 2 บาท และกระปุกออมสินที่มีเงินจำนวนมากประมาณ 5-6 กระปุก ที่เอาออกมาไม่ทัน และถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ

นายยม กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกหลานไปทำงานที่กรุงเทพฯ หมด ตอนเกิดเหตุตนเห็นควันพวยพุ่งและลุกไหม้อย่างรวดเร็วจากบ้านหลังเก่า ซึ่งตนเก็บฟางก้อนไว้ให้วัว ตนจึงนึกขึ้นได้ว่ามีเงินสด 9 แสนบาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และกระปุกออมสินที่เก็บหอมรอมริบไว้ทั้งชีวิต จากการทำไร่ทำนา และกรีดยาง แต่ไม่ทราบว่าภรรยาเก็บไว้ตรงไหนเพราะเขาไม่อยู่บ้าน ตนพยายามขึ้นไปหาตามตู้ตามที่ต่างๆ บนชั้นสอง ระหว่างนั้นเพลิงก็เริ่มลามมาติดตัวบ้านชั้นสอง ก่อนจะมีควันคละคลุ้งเต็มบ้าน

ตนหายใจไม่ออกจึงตัดสินใจใช้กำปั้นทุบกระจกหน้าต่าง ออกไปทางหลังคา และกระโดดลงมาเพื่อเอาชีวิตรอด โดยมีเพื่อนบ้านยกแคร่มารองให้ตนกระโดดลงมา มือตนก็บาดเจ็บ ตนเสียใจมาก ไม่เหลืออะไรแล้ว เงินทองที่เก็บมาทั้งชีวิตวอดหายไปกับตา เงินสดก็เตรียมไว้ไปจ่ายค่ารถไถที่จองไว้แล้วแสนกว่าบาท ไม่รู้จะดำเนินชีวิตยังไงต่อ แต่ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม ตนเห็นเด็กๆ หลายคนวิ่งเล่นออกมาจากบ้านเก่าหลังแรกที่เก็บฟาง ไม่นานก็เห็นควันพวยพุ่งออกมา ตนไม่อยากเอาเรื่องเด็กๆ ถือเป็นเวรเป็นกรรมของตนก็แล้วกัน