สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ว่า นางบาร์บารา ลีฟ ผู้แทนพิเศษด้านกิจการซีเรีย เข้าพบหารือกับนายอาเหม็ด อัล-ชารา หรือ นายโมฮัมเหม็ด อัล-โจลานี ผู้นำกองกำลังฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งถือเป็น “ผู้นำสูงสุด” ของซีเรีย ในเวลานี้ ที่กรุงดามัสกัส เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


การพบกันดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตัน พบหารือกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย นับตั้งแต่ปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบ โค่นอำนาจประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อต้นเดือนนี้

แผ่นป้ายระบุเป็นรถยนต์ของรัฐบาลสหรัฐ จอดที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย


ทั้งนี้ ลีฟกล่าวหลังจากนั้น ว่ารัฐบาลวอชิงตันยกเลิกการตั้งรางวัลนำจับผู้นำเอชทีเอส 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 342.20 ล้านบาท) ที่กระทรวงยุติธรรมประกาศไว้ เมื่อ 6 ปีก่อน และยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตันสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของซีเรีย ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ และเป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย


ขณะเดียวกัน ผู้แทนของรัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า ผู้นำซีเรียให้คำมั่นว่า “จะดำเนินการ” เพื่อไม่ให้กองกำลังใดก็ตาม “เป็นภัยคุกคาม” ทั้งภายในและภายนอกซีเรีย อีกทั้งจะช่วยตามหาตัว นายออสติน ไทซ์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน ที่ถูกลักพาตัวไปในซีเรีย เมื่อปี 2555


อีกด้านหนึ่ง นายฮาคัน ฟิดาน รมว.การต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า ตุรกี “ยึดครอง” หรือ “ครอบครอง” ซีเรีย “เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” เพราะเป็นการนำเสนอ “ข้อมูลที่บิดเบือน” เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่การทูตหมายเลขหนึ่งของตุรกี เรียกร้องรัฐบาลใหม่ของซีเรีย “จัดการ” กองกำลังชาวเคิร์ดในประเทศ ที่รัฐบาลอังการาถือว่า “เป็นผู้ก่อการร้าย” โดยกล่าวเป็นนัยว่า หากมีการจัดการอย่างเหมาะสม “ก็ไม่มีความจำเป็น” ที่ตุรกีต้องเข้าไปแทรกแซง.

เครดิตภาพ : AFP