สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเสียงข้างมาก 366 เสียง ต่อ 34 เสียง ผ่านกฎหมายงบประมาณระยะสั้นให้แก่รัฐบาลกลาง จนถึงกลางเดือน มี.ค. 2568


ทั้งนี้ แผนการใช้จ่ายที่จะมีการจัดสรรให้แก่ส่วนกลาง รวมถึงงบประมาณ 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.76 ล้านล้านบาท) เพื่อการใช้จ่ายด้านภัยพิบัติ และเพื่ออุดหนุนผลิตผลหลายชนิดของเกษตรกร


อย่างไรก็ตาม ไม่มีเนื้อหาตอนใดในกฎหมาย ที่ระบุถึงการระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ และนายอีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจ ที่มีบทบาทต่อทรัมป์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา และมัสก์ยังจะได้รับตำแหน่งผู้บริหาร ของหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ด้วย แม้ไม่ใช่ระดับกระทรวงก็ตาม


การมีบทบาทของมัสก์ เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากพรรคเดโมแครต และสมาชิกจำนวนมากของพรรครีพับลิกัน ว่าเพราะเหตุใด “บุคคลซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายของสหรัฐ” จึงมีบทบาทในการบัญญัติกฎหมายของประเทศ อนึ่ง มัสก์เป็นชาวแอฟริกาใต้ แต่มีกรีนการ์ดเพื่อทำงานและอาศัยในอเมริกา


หลังจากนี้ ร่างกฎหมายจะเข้าสู่การอภิปราย และลงมติโดยวุฒิสภา แล้วส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนาม ซึ่งต้องเกิดขึ้นให้ทันก่อนเลยเวลาเที่ยงคืน เข้าสู่วันที่ 22 ธ.ค. มิเช่นนั้น หน่วยงานรัฐต้องทยอยระงับทำการ หรือเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “ชัตดาวน์”.

เครดิตภาพ : AFP