จากกรณี มีผู้พาเด็กไปตระเวนตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้วขอยาพ่นจมูกสำหรับภูมิแพ้ โรคหอบหืด โดยใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ และนำยาไปขายต่อในสังคมออนไลน์นั้น นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า รู้ตัวบุคคลแล้ว อยู่ในขั้นตอนกฎหมายที่จะดำเนินคดี พฤติกรรมเบื้องต้นพบตระเวนไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเบิกยา บางครั้งไปช่วงเวลาฉุกเฉิน ซึ่งแพทย์ต้องรีบให้บริการ การตรวจดูข้อมูลอาจไม่เข้มข้นมากนัก ผู้ก่อเหตุตระเวนไปหลายโรงพยาบาล ไม่ใช่โรงพยาบาลเดียว และขอยาตัวเดียวเป็นหลัก

“สปสช.จะมีมาตรการในการส่งสัญญาณเตือน เมื่อโรงพยาบาลใช้บัตรประชาชนคนไข้เสียบเครื่องตรวจสอบเข้าไป และเห็นข้อมูลว่ามีคนใดเข้ารับบริการในรอบปีที่ผ่านมา เบิกยาบางตัวเกินกว่าความจำเป็น เราก็จะส่งสัญญาณขึ้นระหว่างเสียบบัตรประชาชนด้วย ซึ่งกำลังทำอยู่ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแล้วเสร็จ ขณะนี้ข้อมูลยังเชื่อมต่อกันแค่ 46 จังหวัด และจะขยายทั่วประเทศ ช่วงปี 2567 สปสช.ตรวจสอบพบกรณีที่คิดว่าน่าจะเข้าข่ายการเบิกยาผิดปกติ และกำลังจะไปดำเนินคดี จำนวน 3 ราย วันที่ 20 ธ.ค.ได้แจ้งความ ซึ่งจะเอาผิดในฐานฉ้อโกง”
นพ.สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา รายงานว่า แพทย์ผู้รับผิดชอบคลินิกทางเดินหายใจและกลุ่มเภสัชกรรมได้พบเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติโดยมีการมาขอเบิกยา Avamys (อะวามิส) ค่อนข้างถี่และมีจำนวนที่เกินปกติ ผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นแม่ลูกกัน มาเบิกโดยอ้างว่าทำยาหายและมีอาการกำเริบ ราคายาที่จำหน่ายบางแห่งจำหน่ายที่ราคา 590 บาท บางแห่งจำหน่ายที่ราคา 790 บาท แต่พบว่ามีการโพสต์ขายในราคาที่ถูกกว่าคือจำหน่ายในราคา 350-450 บาท และพบว่ามีผู้นำไปโพสต์ขายจำนวน 7 ราย แจ้งความแล้ว

กลับมาที่เรื่องการเมือง จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยแสดงความไม่พอใจว่ามี “อีแอบ” ถ่วงกฎหมายประชามติให้ต้องทำ 2 ชั้น ส่งผลต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ นายทรงศักดิ์ ทรงศรี รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องอีแอบ คงไม่ถึงขนาดทำให้พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกัน เป็นความคิดที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ทุกความเห็นก็ยังนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชน และยืนยันว่าไม่เคยได้ยินที่ถูกด่าเป็นอีแอบ
วันที่ 20 ธ.ค. ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดบุรีรัมย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นำ นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ดินเขากระโดงรุกที่ รฟท. หรือไม่ โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 400 คน เข้าร่วม นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทบกับสิทธิของประชาชนไม่ใช่น้อย 5,000 กว่าไร่ 900 กว่าแปลง เมื่อมีเรื่องข่าวของความไม่ชัดเจนเรื่องที่ดินทำให้ประชาชนที่ถือเอกสารสิทธิไม่มีความมั่นใจ หากใช้ค้ำประกัน ธนาคารจะไม่รับเอกสารที่ดินที่มีกรณีพิพาท

“สังเกตดูว่าทุกครั้งมีเรื่องนี้ที่ออกมาจะเป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง หรือมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคนการเมือง ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็คงเป็นไปไม่ได้ คงจะเกี่ยวบ้างเล็กน้อย หากเป็นการเมืองให้พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้งกันก็น่ารังเกียจ เพราะการได้มาซึ่งที่ดินของประชาชนในการครอบครองนั้นถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ มาตามประมวลกฎหมายที่ดินทุกอย่าง ถ้า รฟท.บอกว่าเป็นที่ดินของเขาก็ต้องไปตรวจสอบพิสูจน์สิทธิ ที่ทราบมาการรถไฟยังหาหลักฐานแผนที่ท้ายกฤษฎีกาไม่ได้ด้วยซ้ำ ในอนาคตกรมที่ดินและ รฟท.อาจเปิดโต๊ะคุยกัน”

นายเจนกิจ เชฏฐวาณิชย์ รองอธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงผู้มารับฟังว่า เขากระโดง มี 2 ตำบล คือเสม็ดและอิสาน ออกเอกสารสิทธิไปแล้ว 995 แปลง ซึ่ง รฟท.ยึดแผนที่ที่ทำขึ้นปี พ.ศ. 2539 ที่ทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน จนกลายเป็นคำพิพากษา 3 คดี ทั้งที่บางแปลงที่ดินออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 เมื่อเรื่องถึงศาล ศาลได้วินิจฉัยให้เป็นข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องไป (ต้องพิสูจน์สิทธิแต่ละแปลง) ศาลปกครองกลางสั่งกรมที่ดินแต่งตั้งกรรมการสอบสวนและได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว
นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า โฉนดของบางคนถือครองมาตั้งแต่ในสมัย ปู่ ย่า ตา ยาย ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง สมัยก่อนมีก็มักจะมีนักการเมือง นำเรื่องเขากระโดงมาหาเรื่อง และมาโจมตีผู้ที่ครอบครองที่ดินโดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเมื่อการเลือกตั้งเสร็จทุกอย่างก็เงียบ

ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็นนอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจประชาชนในหัวข้อ “นักการเมืองแห่งปี” สำรวจระหว่างวันที่ 10-15 ธ.ค. 2567 กลุ่มตัวอย่าง 1,500 คนทั่วไทย ได้คะแนนเรียงกันคือ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร 15.4%, “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม 7.8%, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม 7.5%, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) 7.3% ขณะที่ “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ได้ที่ 9 ได้คะแนน 5%
ความคืบหน้าในส่วนของการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่..) พ.ศ…. “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงว่า จากเสียงสะท้อนนายทหารที่จะเกษียณอายุราชการ ติดต่อเข้ามาว่าให้ช่วยทำความเข้าใจกับฝ่ายการเมืองว่าไม่มีความจำเป็น และไม่ควรมีข้อกำหนดในเรื่องของการปรับย้ายนายทหารตามลักษณะที่ฝ่ายการเมืองกังวล ส่วนเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการป้องกันรัฐประหารที่อาจจะถูกเขียนไว้ในร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ก็มีอดีตนายทหารให้ข้อเสนอแนะว่าไม่อยากให้มีข้อกำหนดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอาญา ได้กำหนดไว้ว่าหากมีการปฏิบัติการก็ต้องเป็นกบฏ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมากำหนดในร่าง พ.ร.บ.กลาโหมอีก คาดว่า การทบทวนกฎหมายให้เสร็จ อย่างช้าต้องภายในเดือน ก.พ. 2568

สำหรับภารกิจของนายกฯ อิ๊งค์ และคณะ ได้เดินทางไป จ.มหาสารคาม เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำชี และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ที่ประตูระบายน้ำห้วยน้ำเค็ม (DM) ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย ในช่วงบ่าย นายกฯ เดินทางไปที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ติดตามการดำเนินงานโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) และติดตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML)

เวลา 15.30 น. นายกฯ เป็นประธานเปิดงาน “ออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพื้นบ้าน สืบสานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี” ที่หน้า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการสนับสนุนประเพณีของไทยในภาคอีสาน ที่จะจัดในช่วงเดือน ธ.ค. นายกฯ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องการแต่งตั้งทีมเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด ขณะลงพื้นที่ นายกฯ อิ๊งค์ พูดว่า “เรื่องเงินหมื่นกลุ่มต่อไปอายุ 60 ปีมาก่อนตรุษจีนและไม่ได้มาในซองแดง แต่ผ่านบัญชีเป็นเงินสด อายุ 60 กว่าปี เงินหมื่นมีทั้งหมด 3 รอบ ถ้าเด็กอายุยังไม่ถึงยังไม่ได้”
“ทีมข่าวการเมือง”