เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. เครือมติชน ได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดย นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษหัวข้อ อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย  

การสัมมนาเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00 น. จากนั้นเข้าสู่การสัมมนาในช่วงเช้า Section 1 เวลา 09.30 น. โดย  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวเปิดการสัมมนา ตามด้วย Section 2 มูนมังอีสาน รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ บรรยายเรื่อง มูนมังอีสาน พลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทย จากนั้นเวลา 10.20 น. น.ส.จินนา ตันศราวิพุธ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บรรยายในหัวข้อ อีสาน ทำเลทองอินโดจีน ระเบียงเศรษฐกิจใหม่ และเวลา 10.55 น. น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บรรยายเรื่อง การท่องเที่ยวอีสาน ผ่าน Soft Power : จากอัตลักษณ์สู่ความยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสัมมนาช่วงบ่ายเริ่ม เวลา 13.00 น. Section 3 อนาคตอีสาน อนาคตประเทศไทย โดย    นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บรรยายในหัวข้อ แก้หนี้คนอีสาน จากนั้นเวลา 13.35 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บรรยายในหัวข้อ อนาคตประเทศไทย : อีสาน เชื่อมโลก และเวลา 14.10 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บรรยายในหัวข้อ ดิน น้ำ เส้นเลือดใหญ่เกษตรกรอีสาน ก่อนจะสรุปการสัมมนา โดย รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อีกครั้ง

จากนั้นในช่วงเย็น เวลา 17.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมงาน และขึ้นเวทีบรรยายพิเศษหัวข้อ อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย เวลา 17.30 น. ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นร่วมรับประทานอาหาร

นายนฤตย์ เสกธีระ บรรณาธิการ กองบรรณาธิการมติชน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความสำคัญของไทย อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เป็นขุมทรัพย์ทางอาหาร แหล่งอารยธรรม และเป็นขุมทรัพย์ทางภูมิปัญญาที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ภาคอีสานมีเอกลักษณ์เฉพาะ มีศักยภาพในการเติบโต ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และยังมีความได้เปรียบเชิงพื้นที่ด้านคมนาคมในอนาคต มีแนวโน้มของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่มีโอกาสการเติบโตอีกมาก

“เครือมติชนเล็งเห็นว่าพื้นที่ภาคอีสานมีศักยภาพหลากหลายด้าน จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคอีสาน ซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต” นายนฤตย์ เสกธีระ กล่าว

สำหรับงานสัมมนา ‘ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 08.00-20.30 น.  วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามไลฟ์ได้ช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียเครือมติชนทุกแพลตฟอร์ม พร้อมติดตามคอนเทนต์ข่าวสารหลังงานได้ที่เว็บไซต์ในเครือมติชนทุกช่องทาง

ด้านนายสุวัจน์   ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการสัมมนาว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้มีอยู่ 2 ปัจจัยคือปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกที่ได้รับผลกระทบกัน ทั่วโลก มี 5 ปัจจัย คือ ประการแรกก็คือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก คือ สงครามการค้า สู่สงครามจริงๆ จึงเกิดการจับขั้วกันใหม่ ในทางเศรษฐกิจของโลก ทำให้ภูมิ รัฐศาสตร์ ของโลกเปลี่ยนแปลงไปและมีผลกระทบกันทั่วหน้า ประการที่ 2 คือผลกระทบจากโควิดที่ทำให้ทั่วทั้งโลกมีผลกระทบเช่นเดียวกัน ประการที่ 3 เป็นเรื่องของสถานการณ์สงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามยูเครนและสงครามในภาคตะวันออกกลาง ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลายๆด้าน ประการที่ 4 การเข้ามาของเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ ของสังคมโลก ที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดการผันผวน ทำให้มีผลกระทบต่อด้านการผลิตการจ้างงานและการลงทุน  ประการที่ 5 คือสถานการณ์อุบัติภัย ที่เกิดกันทั่วโลกทำให้ต้องใช้งบประมาณในการแก้ปัญหา เช่นสถานการณ์โลกร้อน

ส่วนปัจจัยภายในของไทยประกอบด้วย ประการแรก หนี้สาธารณะสูง ถึง 65% ของ GDP ของประเทศ ที่ผ่านมาเราพยายามควบคุมไม่ให้สูงเกินกว่า 60% แต่ตอนนี้สูงถึง 65% สิ้นเดือนกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ประการที่ 2 คือหนี้ของครัวเรือน หรือนี่ของภาคประชาชน ทีมากถึง 90% ของ GDP จึงทำให้มีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ ปัจจัยที่ 3 การเติบโตของ GDP ของเรานั้นต่ำมาแล้วกว่า 20 ปี อยู่ในเกณฑ์ 2-3% ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้น้อย ปัจจัยที่ 4 เป็นเรื่องของ ขีดความสามารถของการแข่งขันของไทยที่ลดลง ที่มีสาเหตุจากระบบเทคโนโลยีที่ไม่ดีพอกับการศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์ ปัจจัยที่ 5 ก็คือในภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ของโลกอย่างฉับพลัน ทำให้เราปรับตัวไม่ทัน ปัจจัยที่ 6 คือโครงสร้างผู้สูงวัยที่มีอัตราส่วนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตอนนี้มีถึง 20% และจะเพิ่มเป็น 28% ภายในอีก 5 ปี และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงกำลังการผลิต ก็จะหายไปและต้องใช้งบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุสูงขึ้นด้วย จึงเป็นปัจจัยที่จะทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทย เพื่อให้เศรษฐกิจของไทย เดินหน้าไปได้เราจึง ควรที่จะ หาจุดแข็งของเราให้เจอ เพื่อมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้อยู่ดีกินดี ซึ่งผมคิดว่าวันนี้แม้เราจะเสียเปรียบเรื่องเทคโนโลยีแต่เรามีจุดแข็งมากมายหลายอย่าง อย่างแรกคือการที่เราเป็นประเทศเกษตร ที่โลกมีความต้องการเป็นอย่างมาก เรื่องที่ 2 คือเรื่องอาหารซึ่งประเทศไทย มีความได้เปรียบ เพราะประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่ผลิตอาหารป้อนโลก ประการที่ 3 ก็คือภาคบริการซึ่งประเทศไทยได้เปรียบตรงจุดนี้เพราะไม่มีใครที่จะไม่อยากมาเมืองไทย ประการที่ 4 ก็คือเราเป็นประเทศท่องเที่ยวของโลก ที่ใครๆก็อยากมาเที่ยวเมืองไทย และประเด็นสุดท้ายคือประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม เราจึงควรนำจุดแข็งทั้ง 5 อย่างมาปรับปรุงมาต่อยอดกันใหม่ เพื่อเป็นทางออกให้กับเศรษฐกิจไทย

นายสุวัน์ ฯ กล่าวอีกว่า จุดแข็งต่างๆมีส่วนหนึ่งก็อยู่ในภาคอีสาน เช่นอีสานมีประชากรมีกำลังการผลิต อีสานเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ อีสานมีเอกลักษณ์ในเรื่องของอาหาร การกิน อีสานอุดมสมบูรณ์ด้วยศิลปวัฒนธรรม โบราณคดี และ อีสาน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย นอกจากนี้เรายังมีระบบคมนาคมที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยว และ การขนส่ง ที่จะต่อยอดระบบเศรษฐกิจได้ อีสานยังเป็นขุมทรัพย์ทางด้านแรงงาน ที่สามารถรองรับการลงทุนได้ นอกจากนี้อีสานยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทนพลังงานสีเขียว และที่สำคัญอีสานเป็นประตูสู่อินโดจีนและยังถือเป็นประตูสู่ เอเชียแปซิฟิก จึงเชื่อว่าการจัดสัมมนาในครั้งนี้ที่มี ผู้มีความรู้ด้านต่างๆมาร่วมพิธีสัมมนาจะช่วยกอบกู้ ภาวะเศรษฐกิจไทยได้.