เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าหลังกองบังคับการปราบปราม รับโอนสำนวนคดีสังหารสจ.โต้ง จากตำรวจภูธรภาค 2 ว่า ขั้นตอนหลังจากรับสำนวนมาแล้ว ก็จะทำการสืบสวนสอบสวนต่อ เพราะปัจจุบันกองปราบฯ ได้ไปร่วมในการทำคดีกับตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ในการสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว แต่ไปในฐานะหน่วยสนับสนุน เพราะตำรวจภูธรปราจีนบุรีจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่พอโอนมา กองปราบปราม ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ และตำรวจภูธรปราจีนบุรี และตำรวจภูธรภาค 2 ก็จะเป็นผู้สนับสนุน มีอะไรต้องประสานงานกัน ดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดชะงัก

‘โกทร’ มีหนาว! ผบ.ตร. สั่งโอนคดี ‘สจ.โต้ง’ ไปให้กองปราบฯรับผิดชอบเพียงหน่วยเดียว

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับเอกสาร ดำเนินการเรื่องธุรการ ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี และวันนี้คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้น ซึ่งหลังจากนี่ทางกองปราบฯ จะต้องมาดำเนินการในสำนวนคดีอีกเยอะ เพราะพยานต่างๆ ก็ยังไม่ได้ครบถ้วน แม้ทางตำรวจภูธรภาค 2 จะทำมาเยอะแล้วก็ตาม แต่ยังมีประเด็นอีกหลายส่วนที่ต้องทำ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะต้องเรียกพยานที่เคยสอบปากคำไปแล้วมาสอบเพิ่มเติม รวมถึงต้องเรียกพยานปากอื่นๆ มาสอบด้วย หากมีหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม และมีประเด็นไหนที่มีความขัดแย้งกันก็จะต้องสอบปากคำเพื่อให้เกิดความชัดเจน และขณะนี้ได้วางแผนการสอบสวนไว้แล้วว่าจะต้องเรียกใครมาสอบปากคำบ้าง ซึ่งเป็นพยานทั้งสองฝั่ง ฝั่งของโกทร ผู้ต้องหา และฝั่งของ สจ.โต้ง ผู้เสียชีวิต และพยานแวดล้อม รวมถึงพยานจากการตรวจพิสูจน์ ซึ่งมีหลายส่วนที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งหากพยานไม่สะดวกเข้ามาให้ปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ทางพนักงานสอบสวนก็พร้อมไปสอบปากคำจุดที่พยานสะดวก

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะต้องเรียก สจ.จอย มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า จะต้องขอดูรายละเอียดในสำนวนอีกครั้งว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ หรือมีประเด็นส่วนไหนที่ยังสงสัยหรือไม่ ก็จะต้องเรียกมาสอบเพิ่มเติมเช่นกัน โดยทุกประเด็นที่ทำต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปในทิศทางไหน ต้องสอบให้ครบถ้วนทุกประเด็น ไม่มองข้ามประเด็นไหน ส่วนบุคคลที่ตำรวจยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่าง นายกฤษฎ์ กษมพันธุ์ รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี หรือ รองอุ๊ ก็คงจะต้องเรียกมาสอบด้วย เพราะเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนคนที่เคยเป็นพยานจะเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ บอกว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ ณ ตอนนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดอยู่ 7 คน แต่หากพบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ ที่จะต้องพิจารณาว่าจะกระทำความผิดหรือไม่ ก็จะพิจารณา ซึ่งยืนยันว่า ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหา 7 คน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการตรวจของพิสูจน์หลักฐาน ขณะนี้ได้มาบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มาไม่ครบ ยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทยอยส่งกลับมา ทั้งนี้ หลังจากที่คณะทำงานได้อ่านรายละเอียดในสำนวนคดีทั้งหมดแล้ว ก็คาดว่าจะมีการนัดประชุมคณะทำงานกันได้ในสัปดาห์หน้า และมีโอกาสที่จะต้องเสนอให้โอนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลอาญาด้วย

ส่วนกระแสข่าวว่า สจ.โต้ง อาจจะเป็นลูกแท้ๆ ของโกทร หรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ บอกว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งหากมีผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง