นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการเกษตรไทยมีแนวโน้มขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 0.2% และคาดว่าในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นถึง 3% จากการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับสินค้าเกษตร การบริหารจัดการน้ำ การเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อการวางแผน สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวของเกษตรกร แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพอากาศแปรปรวนและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้ น อย่างไรก็ตามภาคการเกษตรยังมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 46% ของพื้นที่ทั้งหมด อีกทั้งเป็นแหล่งจ้างงานกว่า 51% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดในประเทศ สยามคูโบต้าพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโยบายของประเทศที่กำลังผลักดันให้ภาคการเกษตรไทยเดินหน้าไปสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) โดยคำนึงถึง Value Chain หรือห่วงโซ่คุณค่าของผลผลิตทางการเกษตรตลอดทั้งกระบวนการ

“Agtech หรือ Agriculture Technology กลายเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรกรรมทั่วโลก ซึ่งคูโบต้าหนึ่งในแบรนด์ผู้นำด้านเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมเกษตร มุ่งส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรทั่วโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับในประเทศไทยเราพร้อมเคียงข้างเกษตรกรไทยก้าวข้ามความท้าทายและเรียนรู้ ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพัฒนาการทำเกษตรของตนเอง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ในภาคการเกษตรไทย พลิกคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม “

สำหรับกิจกรรม KUBOTA FARM Agtech Possibility ในครั้งนี้  ได้ชูคอนเซ็ปต์Sustainable AgreenCULTURE พลิกโฉมเกษตรกรรมสู่ความยั่งยืนโดยการนำความรู้และนวัตกรรมการเกษตร มาทำให้เกษตรกรได้เห็นของจริงพร้อมสัมผัสการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยและนวัตกรรมองค์ความรู้เกษตรอัจฉริยะของสยามคูโบต้าที่จะช่วยเติมเต็มให้การทำเกษตรเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เริ่มก้าวสู่เส้นทางการทำเกษตรในอนาคต  โดยนำผู้ที่สนใจได้ทดลองทำเวิร์กช็อปจริง