จากกรณีที่มีเหล่าเอฟซีของ แน็ก ชาลี ได้เข้ามาถล่มด่าพี่สาวทั้ง 4 คน ขณะไลฟ์ขายของ และได้มีการโพสต์ด่ารุนแรง ซึ่งได้มีการโพสต์ในลักษณะที่ว่า ลืมบุญคุณแน็ก เห็นแก่เงิน เกาะแน็ก ชาลี และยังมีการด่าลุกลามไปถึงหลานๆ ทำให้ฝั่งพี่สาวได้ออกมาโพสต์ชี้แจงนั้น

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ล่าสุด พี่ตึ๊ง อัลเบิร์ต ปอทเจส พี่ชายคนโตของ แน็ก ชาลี โพสต์ข้อความผ่านเพจ “Albert Potjes” ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ระบุว่า

ทีแรกผมคิดว่าจะเงียบๆ ไปเลย เพราะไม่อยากดังจาก Drama อะไรแบบนี้ แล้วพูดตรงๆ ตอนนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็กระทบกับทุกคนนั่นแหละ

แต่ที่คิดว่าควรจะพูด ก็เพราะมีบางคนพยายามพาดพิง หรือถามถึง เลยขอชี้แจงไว้ตรงจุดนี้ เท่าที่สามารถ

ผมทำอะไร?

– คือผมมีงานที่ผมทำอยู่ เป็นงานสุจริตครับ เป็นนักแปล/นักเขียน และอื่นๆ อีกมากมายที่เราทำได้ แม้จะไม่ได้เงินเยอะ แต่เราก็พยายามดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังทำงานหาเงินจ่ายค่าอยู่ค่ากิน ค่าอพาร์ตเมนต์ มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือยครับ อยู่ตามอัตภาพ

ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ควรจะ ด้อยค่า งานที่ใครทำ ไม่ว่าจะทำงานอะไร ทุกงานก็อาจจะมีคุณค่าเล็กๆ น้อยๆ ในตัวมันเอง

แล้วคุณไม่ช่วยงาน ช เลยหรือ?

– เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยช่วยนะครับ แต่ด้วยความเป็นธุรกิจครอบครัวซึ่งการจัดการบางอย่างก็ไม่มืออาชีพ บางงานก็ทำฟรีเลยด้วยซ้ำ เห็นว่าเป็นครอบครัวก็ช่วยๆ กัน แล้วผมก็เข้าใจว่ามันไม่มีใครควรมาแบกใคร โตๆ กันแล้ว มีมือมีตีน ก็ต้องพยายามดิ้นรนกันด้วยตัวเอง

ซึ่งมันเคยมีจุดนึง ที่กระทบกระเทือนทั้งจิตใจและความเป็นอยู่ของผม ผมเลยเลือกที่จะ Walk Out (เดินออกมา) จากตรงนั้น ต่างคนต่างอยู่

แล้วที่เคยมีใครเป็นคนพูดว่า ช ส่งเสียค่าเล่าเรียนอะไรนั่น? คือผมเรียนจบ ป.ตรี ก่อนที่คุณ ช จะมีผลงานดังนะครับ สมัยก่อนครอบครัวเราไม่ได้สบาย ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนทุน ปิดเทอมก็ไปทำงานพิเศษ ตอนเรียน ป.โท ผมก็ใช้เงินเก็บตัวเองเป็นส่วนใหญ่ครับ ก็ทำงานควบไปด้วยเช่นกัน

แล้วทำไมถึงออกมาพูด

– ผมคิดว่ากลุ่มพี่สาว (4 Aunts) เขาก็พยายามที่จะยืนด้วยขาตัวเองไง เขาจะร่วมงานกับใครก็เป็นสิทธิของเขา ตราบที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ควรที่จะมีใครไปก่อกวนหรือปั่นป่วนเขา

ใครจะว่าเรื่อง ผลประโยชน์ ผมก็คิดว่าเราปฏิเสธไม่ได้ที่โลกทุกวันนี้เราก็ต้องใช้จ่าย หลายคนมีภาระต้องเลี้ยงดูตัวเอง ครอบครัว ลูกหลาน ทุกคนทำงานแลกเงินครับ ไม่ควรมีใครที่ทำงานแล้วต้องมาถูกทวงบุญคุณ หรือเป็นที่รองรับทางอารมณ์ของใคร

แล้วซึ่งการ Cyberbully (ก่อกวน รังควาญ) เอาจริงก็ไม่ควรมีใครถูกกระทำครับ หรือจะเป็นการทำร้ายทั้งในเชิงวาจา จิตใจ ร่างกาย ไม่ควรมีใครถูกกระทำทั้งนั้น

ผมเลยคิดว่าผมควรจะ Speak Out ในสิ่งที่ผมสามารถพูดได้

มีคนพูดว่า “ผมเป็นส่วนที่ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อน” ผมก็ต้องย้อนถามไปว่า แล้วในรอบปีคุณ ช มีข่าวมากี่รอบแล้ว? ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็ได้รับผลกระทบกันหมด แม้แต่ผมเองที่เฟดตัวเองมานาน ต่อให้พยายามอยู่ห่างๆ แต่ทุกครั้งที่มีข่าวก็จะมีคนที่ทำงานมาถามผมนู่นนี่นั่น ซึ่งเอาจริงมันก็รู้สึกไม่ดีนั่นแหละ

ในฐานะคนๆ หนึ่ง หรือสังคม เราควรจะได้รับบทเรียนจากตรงนี้ไหม ส่วนตัวผมว่าเรื่อง ความสัมพันธ์ เป็นเรื่องปกตินะที่คนเราคบหากันแล้วอาจจะเข้ากันไม่ได้ มีความจำเป็นต้องเลิก (ยุติความสัมพันธ์) แต่เราจะจัดการกับสิ่งนั้นยังไง? ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วไปพูดวิจารณ์อีกฝั่งในทางลบ หรือจบความสัมพันธ์แบบมีปัญหา แล้วก็ไม่ถอดบทเรียน ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำๆ เคส 1, 2 แล้วก็ยังมี 3, 4 อันนี้ก็ควรถามใจตัวเองแล้วว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร?

หมายเหตุ ออกตัวไว้ก่อนเลย ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมยอมรับว่าผมก็ไม่ใช่คนดีครับ เคยผิดพลาด เคยทำร้ายคนอื่นในทางวาจาหรือจิตใจเช่นกัน และรู้สึกผิด ก็พยายามถอดบทเรียนเพื่อที่จะได้ไม่ให้ทำผิดซ้ำๆ อีก…