เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาลูกชาย และครอบครัวของผู้เสียชีวิต เข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ตั้งกรรมการตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.สมหมาย (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี หลังญาติสงสัยว่า “ลูกสะใภ้” กำลังเลียนแบบพฤติกรรม “แอม ไซยาไนซ์” วางยาพิษให้แม่และยายกินเพื่อจะฆ่าล้างหนี้สิน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก “นายเอกภพ” ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาจาก จ.จันทบุรี เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่ น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ พา คุณยายช่วย (สงวนนามสกุล) อายุ 84 ปี ไปตัดผมแล้วซื้อน้ำอัดลมให้ดื่ม ปรากฏว่า ยังไม่ทันได้ดื่มหมดแก้วก็หมดสติแน่นิ่งไป ทางครอบครัวได้รีบพาคุณยายส่งรักษายังโรงพยาบาล ต่อมา น.ส.เก๋ ได้มารับตัว น.ส.สมหมาย (ผู้เสียชีวิต) ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่สามีของ น.ส.เก๋ เพื่อไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาล

หลังจากเยี่ยมคุณยายเสร็จ น.ส.เก๋ได้ให้ น.ส.สมหมาย ดื่มน้ำ จากนั้นจึงหมดสติไปอีกราย แต่คราวนี้อาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตลง ส่วนคุณยายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 11 วัน และรอดชีวิตมาได้ แต่ร่างกายกลับไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ทางครอบครัวเริ่มเกิดความสงสัย เนื่องจากน.ส.เก๋ เคยมายืมเงินของทั้ง 2 คน ไปหลายหมื่นบาท ขณะที่สภาพศพพบว่าเล็บเขียวช้ำผิดปกติ รวมถึงพบยาบางอย่างในบ้าน ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นยาอะไร จึงได้พยายามร้องขอความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิต

นายเอกภพ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตนจึงได้พาครอบครัวมาพบ ดร.ธนกฤตฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข อยากให้ท่านช่วยตรวจสอบเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่าง เพราะทุกวันนี้ผู้ต้องสงสัยยังใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน คนทั้งหมู่บ้านก็ระแวงไปทั้งหมด เพราะต้องใช้น้ำแทงค์เดียวกัน และไม่กล้ามาบ้านผู้ต้องสงสัย รวมถึงครอบครัวได้พาคุณยายหนีตายมาที่นี่ เพื่อรีบมาพบตน และกลัวว่าวันนึงอาจจะต้องตายทั้งบ้าน ซึ่งเหตุการณ์นี้มีลักษณะคล้ายคดีของ “แอม ไซยาไนซ์” และทราบว่าผู้ก่อเหตุเคยใช้วิธีนี้กับคนในครอบครัวตัวเองมาแล้ว ซึ่งต้องรอผลตรวจที่ชัดเจนอีกครั้ง

ด้าน น.ส.ยุพาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ลูกสะใภ้ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม่ได้ดื่มน้ำจากพี่สะใภ้ หลังจากนั้นหมดสติและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งมีอาการคล้ายกับคุณยาย พี่สะใภ้ชอบมายืมเงินแม่กับคุณยายบ่อยมาก หลังจากเหตุการณ์นี้มีทรัพย์สินของแม่สูญหายไป คือทองคำ 3 บาท และเงินสดหมื่นกว่าบาท แม่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 12 วัน และเสียชีวิตลงวันที่ 25 พ.ย. มีอาการสมองตายไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ทำได้เพียงแค่ประคองไว้ หลังเกิดเหตุคนในหมู่บ้านมีอาการหวาดกลัวพี่สะใภ้ วันนี้ตนได้พาคุณยายหนีตายมาเพราะไม่อยากให้มีคนเสียชีวิตเพิ่ม อยากร้องขอความเป็นธรรมและให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษในสิ่งที่กระทำ.

ด้าน คุณยายช่วย (สงวนนามสกุล) อายุ 84 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้เอาน้ำอัดลมมาให้ตนดื่มครึ่งแก้ว จากนั้นตนก็หมดสติไป ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นหมอนวดประจำหมู่บ้านแต่หลังเกิดเหตุ ตนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม กลายเป็นคนร่างกายไม่แข็งแรง ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นหนี้ตนอยู่ 50,000 บาท และทองคำอีก 1 บาท เคยไปทวงถามกลับให้คืนมาแค่ 500 บาท เท่านั้น

ขณะที่ ดร.ธนกฤต กล่าวว่า วันนี้เพจสายไหมต้องรอดได้พาครอบครัวผู้เสียชีวิตเข้ามาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่มีคนในครอบครัวหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งมีลักษณะคล้ายคดีของ “แอม ไซยาไนซ์” เพราะตรวจพบว่ามีสิ่งไม่ปกติในร่างกาย จะต้องตรวจสอบว่าสารดังกล่าวเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตหรือไม่ ขณะที่ตัวของคุณยายได้ดื่มน้ำและคาดว่าจะมีสารตัวเดียวกัน แต่คุณยายอาจจะได้รับปริมาณน้อยจึงทำให้ไม่เกิดผลต่อร่างกายอันตรายจนเสียชีวิต หลังจากนี้จะทำการตรวจสารว่าเป็นประเภทไหน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าและทราบผลได้

หากพบว่าผู้ก่อเหตุมีการลักลอบนำสารผสมในน้ำดื่มและให้คนดื่มจนเสียชีวิต ก็จะได้รับโทษเกี่ยวกับการฆ่าคนตาย และต้องดูว่ามีการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ อย่างกรณีนี้เบื้องต้นก็เป็นการพยายามฆ่า ขั้นตอนต่อไปเมื่อมันเป็นคดีอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องแล้วก็จะให้ครอบครัวไปยื่นที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอรับเงินเยียวยา และตนจะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งน้ำในชุมชนดังกล่าวด้วย ฝากเตือนประชาชนว่าการกระทำแบบนี้ หากพบว่าเป็นการนำสารต้องห้ามมาใช้ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลต่อ และดำเนินคดีกับผู้ขาย ซึ่งมีความผิดในการนำวัตถุออกฤทธิ์มาจำหน่าย.