ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง ยังคงเกาะติดปัญหางานก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และเขื่อนป้องกันตลิ่ง ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย หรือที่ชาวกาฬสินธุ์ประณามว่าเป็นโครงการ 7 ชั่วโคตร ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองกาฬสินธุ์ กระทรวงมหาดไทย ว่าจ้าง 2 หจก.ขาใหญ่ ประกอบด้วย หจก.เฮงนำกิจ และ หจก.ประชาพัฒน์ “เป็นผู้รับจ้าง” รวมจำนวน 8 โครงการ งบประมาณกว่า 545 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน “ผู้รับจ้าง” ไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จแม้แต่โครงการเดียว สาเหตุทิ้งงานก่อสร้าง สร้างผลกระทบต่อประชาชนอย่างแสนสาหัส ปรากฏความเคลื่อนไหวช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567

ต่อมา กรมโยธาฯ ได้ประกาศยกเลิกสัญญาจ้างทั้ง 8 โครงการ พร้อมชี้แจงว่าจะทำการริบเงินประกันสัญญา 5% เงินแอดวานซ์ 15% พร้อมกับดำเนินการทางปกครองทั้งอาญาและทางแพ่ง เนื่องจากพบว่ามีการเบิกจ่ายไปมากถึง 250 ล้านบาท แต่ปัญหาความล่าช้าไม่ชัดเจน ชาวบ้านยังได้ร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช.สภา จึงลงพื้นที่พิสูจน์ปัญหาที่ จ.กาฬสินธุ์ ไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้ตั้งข้อพิรุธ 8 ข้อ เพราะมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต และมีหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องระดับสูงเข้ามาชี้แจงในวันที่ 18 ธ.ค. 2567 ซึ่ง ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช.สภา ประกาศที่จะนำปัญหาการแก้ไขนี้เป็น “โมเดลกาฬสินธุ์” เป็นบรรทัดฐานการป้องกันการทุจริตต่อไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 67 ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ปธ.กมธ.ป.ป.ช.สภา) เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ ว่า วานนี้ (18 ธ.ค.) ได้เรียกประชุม คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.สภา) ครั้งที่ 50 มี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รอง ปธ.กมธ.ป.ป.ช., สส. พื้นที่กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และนายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ เขต 6 นำ ส่วนที่ปรึกษาฯ นำโดยนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมต.หลายกระทรวงฯ เลขานุการฯ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ชำนาญการ กมธ.ป.ป.ช. ร่วมพิจารณาโครงการ 7 ชั่วโคตร ที่ประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอให้ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จังหวัดกาฬสินธุ์ 8 โครงการใหญ่ งบประมาณ 545 ล้านบาท

ดร.ฉลาด กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีตัวแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตัวแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตัวแทนอธิบดีกรมบัญชีกลาง ตัวแทนอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าชี้แจง รวมถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าท่า จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ร้อง ส่วน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่มาชี้แจง โดยได้ส่งตัวแทน แต่ก็ไม่มีตัวแทนเข้าชี้แจงอ้างว่าติดราชการ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็ไม่มาชี้แจงเช่นกัน แต่ได้ส่งตัวแทนรองผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าชี้แจง เมื่อเริ่มประชุม นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึษาประธาน กมธ. อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้ข้อสังเกตต่อความรับผิดชอบหน่วยงาน ที่ต้องดูแลประชาชน แต่ไม่มาประชุมชี้แจง โดยเฉพาะการที่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่มาร่วมชี้แจง ที่ประชุมจึงขอให้ทั้งสองหน่วยงานนี้ ทำรายงานชี้แจงมายัง กมธ.ป.ป.ช. โดย กมธ. จะทำบันทึกถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอทราบว่าไม่มาประชุมเพราะเหตุใด ติดราชการอะไร จึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ในการเชิญนี้ก็เป็นไปตามอำนาจของ กมธ. ตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ เพราะปัญหานี้เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่มีต่อประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน

“จากนั้นที่ปรึกษาฯ กมธ.ป.ป.ช. ได้เริ่มซักถามประเด็นสำคัญ พร้อมเรียกเอกสารทั้งหมดจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่การเริ่มต้นสัญญาก่อสร้างโครงการฯ ประเด็นข้อสงสัยว่า 1.ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ได้ไปตรวจสอบเป็นจำนวนกี่ครั้งจนสิ้นสุดสัญญา 2.ระหว่างการก่อสร้างตามโครงการฯ ช่างโยธาผู้ควบคุมมีใครบ้างและได้มีการควบคุมงานในวันใดบ้าง 3.ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาตามโครงการฯ ก่อนจ่ายงวดเงินให้ผู้รับจ้าง 15% ผู้รับจ้างต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของงานก่อสร้างโครงการฯ อย่างใดบ้าง 4.ผู้ควบคุมงาน ได้รายงานการก่อสร้างตามโครงการฯ เสนอไปยังบุคคลใดเพื่อพิจารณายกเลิกสัญญาตามโครงการฯ 5.กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ประเมินความเสียหายจากการทิ้งงานผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการฯ อย่างใด และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ประเมินค่าความเสียหายหรือไม่อย่างใด 6.กรมโยธาธิการฯ เมื่อรับทราบว่าผู้รับจ้างตามโครงการฯ ได้ทิ้งงานแล้ว ได้มีการดำเนินการอย่างใด 7.กรมโยธาฯ ได้ยกเลิกสัญญาโครงการฯ โดยใช้ระยะเวลานานเท่าใด หลังจากได้รับทราบรายงานจากผู้ควบคุมงานว่ามีผู้รับจ้างได้ทิ้งงานมีการตรวจสอบอย่างใด 8.กรมโยธาฯ ได้ดำเนินการเรียกร้องค่าปรับจากผู้รับจ้างที่ได้ทิ้งงานก่อสร้างโครงการฯ อย่างใด และ 9.เพราะสาเหตุใด จึงต้องดำเนินการจ้างบริษัทในการควบคุมงานโครงการฯ โดยมีการโต้ตอบระหว่าง กมธ.และผู้ชี้แจง” ดร.ฉลาด กล่าว

ดร.ฉลาด กล่าวต่อว่า ข้อสังเกตต่อการประชุมในครั้งนี้มีบทสรุป 2 ประเด็น ที่จะนำไปสู่หนทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเพื่อเป็นบรรทัดฐานเพื่อป้องกันการทิ้งงานของผู้รับจ้างที่มาจากส่วนกลางกับการเอาใจใส่ตามอำนาจหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ควรจะปล่อยให้ปัญหานี้ยืดเยื้อยาวนาน เพราะความเดือดร้อนที่เกิดกับประชาชนยังทำให้รัฐได้รับความเสียหายด้านงบประมาณแผ่นดิน ในประเด็น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ผวจ.กาฬสินธุ์ ไม่มาชี้แจง ถึงแม้จะส่งตัวแทนมาชี้แจง แต่ กมธ.ป.ป.ช. ยังมีข้อสงสัย จึงได้ขอให้ชี้แจง เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ทำไมถึงไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการด้วยตนเอง เพราะการเรียกมาชี้แจงมีประเด็นที่พาดพิงถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่มีผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ และจะมีการเรียกมาชี้แจงในภายหลัง อีกประเด็นก็คือข้อสงสัยที่ต้องการให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของประชาชนและเงินภาษีแผ่นดิน ดังนั้น
ในส่วนของ สตง. ที่ชี้แจงว่า กมธ. ต้องทำหนังสื่อจึงจะเข้ามาตรวจสอบปัญหานี้ได้นั้น กมธ.ป.ป.ช.สภา ก็จะทำหนังสือถึง สตง. เพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงวันบอกเลิกสัญญาว่าเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ การก่อสร้างทั้ง 8 โครงการมีความคุ้มค่าในการเบิกจ่ายหรือไม่ เพราะหน้าที่ของ สตง. มีหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของแผ่นดิน ส่วน กรมโยธาธิการและผังเมือง กมธ. จะทำหนังสือเพื่อขอรายละเอียดทั้งหมดตามข้อพิรุธทั้ง 8 ข้อ และให้เร่งรัดจัดซื้อจัดซื้อจัดจ้างใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนกรมบัญชีกลาง ที่ได้ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการขึ้นแบล็คลิสต์นั้น กรมบัญชีกลางแจงว่าจะสามารถประกาศขึ้นแบล็กลิสต์เวียนห้างทั้ง 2 แห่งนี้ได้ไม่เกิดปลายเดือน ม.ค. 2568 ที่จะมีผลให้ผู้ทิ้งงานนี้หมดสิทธิเข้ารับงานประมูลงานจากหน่วยงานรัฐ แต่เพื่อความชัดเจนก็จะทำหนังสือไปขอทราบรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับระยะเวลา เงื่อนไขทางกฎหมายในการประกาศขึ้นแบล็กลิสต์ด้วยเช่นกัน ขณะที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมการทิ้งงาน และผลกระทบที่มีต่อประชาชน และความล่าช้าผู้บริหารสัญญาต่อการตรวจสอบของภาครัฐที่ดูเหมือนนิ่งเฉย ที่ได้รับทราบข้อมูลแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ กมธ.ป.ป.ช. จะมีมติให้สรุปข้อมูล ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ การชี้แจงในที่ประชุมทำเป็นรายงานส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่ให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งส่งรายงานไปถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยืนยันว่าการป้องกันการทุจริตจากโครงการ 7 ชั่วโคตร จะเป็นบรรทัดฐาน เพื่อนำไปใช้กับหน่วยงานอื่นในการป้องกันการทุจริตต่อไป

ด้าน นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อสังเกตในโครงการนี้ กรมโยธาธิการฯ จัดสรรให้ตั้งแต่ปี 2562 รวมแล้ว 8 โครงการ ถือเป็นโครงการที่ดีมาก แต่เมื่อสร้างไม่เสร็จมีการทิ้งงานก็กลายเป็นการสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคนกาฬสินธุ์เป็นอย่างมาก ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง นึกถึงภาพบ้านเรือนประชาชนเป็นหลุม เป็นบ่อมาตลอด 5 ปี อีกทั้งเขื่อนป้องกันตลิ่ง ถึงวันนี้ไม่เห็นแม้แต่เสาเข็ม หายไปหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง การปล่อยนิ่งเฉยต่อปัญหานี้ เปรียบเสมือนการหาคุกให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะผู้รับจ้าง ปัจจุบันยังไม่จ่ายค่าปรับแม้แต่บาทเดียว ส่วนตัวต้องขอบคุณ กรมโยธาฯ ที่เอางบไปให้ แต่ไม่ขอบคุณกรมโยธาฯ เพราะการก่อสร้างทำไม่เสร็จ

“ตนมีข้อสังเกตอีกว่าปัญหาความล่าช้าที่ทำให้ประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์เสียโอกาส รัฐต้องสิ้นเปลืองงบประมาณนั้น ไม่ใช่วันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ จะออกตัวบอกว่าผู้รับเหมาเป็นคนบ้านเดียวกัน (คนกาฬสินธุ์) แต่เมื่อก่อสร้างไม่เสร็จผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็ควรที่จะเร่งรัดผู้รับจ้าง ไม่ใช่ปล่อยนิ่งเฉย เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะจริงๆ แล้ว เรื่องการก่อสร้างหากทำเต็มความสามารถเชื่อว่า ศักยภาพผู้รับเหมา 2 รายนี้จะทำการก่อสร้างให้เสร็จลงได้ แต่ที่สงสัยก็คือทำไมถึงไม่ทำให้เสร็จ ยืนยันปัญหานี้คนกาฬสินธุ์ เจ็บปวดที่สุด อีกข้อสังเกตที่ต้องฝากก็คือการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ทราบว่า งบประมาณ 545 ล้านบาท ผู้รับจ้างเบิกเงินไปเกือบครึ่งแล้วทิ้งโครงการ แล้วเงินที่เหลือจะก่อสร้างอะไรได้ การดำเนินโครงการก่อนการเรียกค่าปรับ จะมาแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ถือได้ว่าทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ ไม่ได้อะไร มันไม่ยุติธรรมกับราษฎร จ่ายผู้รับจ้างไปครึ่ง แต่ไม่เสร็จสักโครงการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรที่จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเต็มที่” นายวิรัช กล่าว

รายงานแจ้งว่าการประชุมเพื่อขอมติดำเนินการตามที่ ปธ.กมธ.ป.ป.ช.สภา เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ กมธ.ป.ป.ช. จะมีขึ้นในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมครั้งที่ 51