เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เที่ยวบินเคแอล 685 ของสายการบินเคแอลเอ็มแห่งเนเธอร์แลนด์ ขึ้นบินจากสนามบินกรุงอัมสเตอร์ดัม ไปยังเม็กซิโกซิตี หลังเวลา 15.00 น. เล็กน้อย โดยมีผู้โดยสาร 259 คน อยู่บนเครื่อง

หลังจากออกเดินทางไปได้เพียง 6 ชม. นักบินของเที่ยวบินดังกล่าว ก็ส่งคำขอลงจอดกะทันหันกลางทาง โดยกัปตันของเที่ยวบินอธิบายว่า ฝูงหมูเป็น ๆ ในพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน ส่งกลิ่นที่ “น่าขยะแขยง” มาก จนจำเป็นต้องหยุดการเดินทางอย่างกะทันหัน เพื่อให้คนบนเครื่องหยุดพัก และได้รับอากาศบริสุทธิ์ก่อนที่จะเดินทางต่อ

เมื่อหอบังคับการบินขอให้นักบินยืนยันว่า มีหมูเป็น ๆ อยู่ในพื้นที่เก็บสัมภาระบนเครื่องบินใช่หรือไม่ นักบินตอบกลับว่า “ใช่ และหมูเหล่านั้นน่าจะเป็นสาเหตุของความไม่สะดวก ดังนั้นต้องขนย้ายหมูเหล่านั้นออกไปจากเครื่อง แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน” 

เครื่องบินดังกล่าวลงจอดที่สนามบินนานาชาติแอลเอฟ เวด บนเกาะเบอร์มิวดา ช่วงค่ำของวันเดียวกัน ผู้โดยสารและลูกเรือต้องเข้าพักในโรงแรมตลอดคืน เนื่องจากมีรายงานว่าบนเครื่องบิน “มีปัญหาเรื่องออกซิเจน”

มีรายงานว่าหมู 100 ตัว ถูกขนลงจากเครื่องบินและส่งไปยัง “สถานที่ปลอดภัย” บนเกาะสำหรับ “การพักผ่อนช่วงวันหยุด” ที่อยู่นอกแผนการของพวกมัน 

เมื่อจัดการปัญหาเรื่องกลิ่นและการระบายอากาศบนเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ของเที่ยวบินดังกล่าวอย่างเหมาะสมแล้ว เครื่องบินก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เม็กซิโกซิตี ในคืนวันเสาร์ที่แล้ว เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. โดยล่าช้าจากกำหนดการเดิมไปเกือบ 30 ชั่วโมง

ส่วนฝูงหมูยังคงติดอยู่บนเกาะเบอร์มิวดา จนกระทั่งเครื่องบินขนส่งสินค้าเปล่าเดินทางมาถึงเพื่อรับหมูเหล่านี้และขนส่งไปยังเม็กซิโกซิตี

รัฐบาลเบอร์มิวดาระบุในแถลงการณ์ว่า “สวัสดิภาพของสัตว์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด” และ “ดร.โจนาธาน นิสเบตต์ สัตวแพทย์ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้ดูแลหมูเหล่านี้เป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีความชัดเจนว่า มีการขนย้ายหมูเป็น ๆ จำนวน 100 ตัวเหล่านี้ เข้าไปในพื้นที่เก็บสัมภาระของเครื่องบินผิดตำแหน่งหรือไม่ จึงเป็นเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวของหมูสามารถทะลุผ่านเข้าไปในห้องนักบินและห้องโดยสารได้

ที่มา : dailymail.co.uk

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES